ท่านั่งในการทำสมาธิ MD 102 สมาธิ 2 หน้า 26
หน้าที่ 26 / 93

สรุปเนื้อหา

ท่านั่งในการทำสมาธิมีความสำคัญต่อการมีสมาธิที่ดี โดยท่าที่นิยมคือท่านั่งขัดสมาธิ ซึ่งทำให้ร่างกายไม่เมื่อยง่ายและช่วยให้หาศูนย์กลางกายได้ง่าย นอกจากนี้ยังมีการกำหนดมือและการตั้งกายให้ตรงเพื่อช่วยในการหายใจและการไม่รู้สึกง่วงระหว่างทำสมาธิ การนั่งในท่าขัดสมาธิเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เนื่องจากง่ายต่อการรักษาสมดุลในร่างกายและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำสมาธิ หากรู้สึกเมื่อยสามารถเปลี่ยนไปนั่งในท่าพับเพียบได้บ้าง เพื่อไม่ให้เกิดอาการผิดปกติในร่างกาย สรุปแล้ว การทำสมาธิที่มีการตั้งกายและท่าที่ถูกต้องจะช่วยให้การฝึกสติและสมาธิดีขึ้นจนสามารถบรรลุเป้าหมายทางจิตใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ.

หัวข้อประเด็น

-การจัดท่านั่ง
-ประโยชน์ของการนั่งสมาธิ
-การตั้งกายและมือให้ตรง
-ผลกระทบของท่านั่งที่ไม่ถูกต้อง
-การพัฒนาสมาธิผ่านท่าทาง

ข้อความต้นฉบับในหน้า

2.3 ท่านั่งในการทำสมาธิ การนั่งทำสมาธิจะนั่งอยู่ในท่าใดก็ได้ แต่เมื่อนั่งในท่านั้นแล้วร่างกายจะต้องมีความสบายพอสมควร ใจจึงจะเป็นสมาธิเร็ว เช่น ไม่นั่งยองๆ เพราะทำให้เมื่อยง่าย ไม่ควรนั่งพิงฝาเพราะทำให้เผลอสติง่าย ฯลฯ ท่าที่นั่งทำสมาธิที่เหมาะที่สุดและนิยมกันมาตั้งแต่สมัยก่อนพุทธกาลจนกระทั่งปัจจุบัน คือท่านั่ง ขัดสมาธิ เพราะทำให้ไม่เมื่อยเร็ว เผลอสติได้ยาก ร่างกายไม่โยกเอน ช่วยให้หาศูนย์กลางกายได้ง่าย โดยให้เท้าขวาทับเท้าซ้าย มือขวาทับมือซ้าย ปลายนิ้วชี้ข้างขวาจรดกับนิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย ตั้งกายให้ตรง ดำรงสติมั่น แล้วหลับตาพอปิดสนิท 1) นั่งขัดสมาธิ ท่านั่งขัดสมาธิเป็นท่านั่งที่ทำให้นั่งได้ทน ไม่ปวดเมื่อยหรือเป็นเหน็บชา ร่างกายท่อนบน ไม่โอนเอนไปมา ทำให้หาศูนย์กลางกายฐานที่ 7 ได้ง่าย เป็นท่านั่งที่สง่าและสงบ จึงได้ชื่อว่าสมาธิบัลลังก์ อีกประการหนึ่งเป็นท่านั่งที่ช่วยให้ลำไส้และกระเพาะย่อยอาหารได้สะดวก ที่สุด โดยนำเอาขาขวาทับขาซ้าย ถ้านั่งขัดสมาธินานๆ รู้สึกเมื่อยขบมาก อาจเปลี่ยนเป็นนั่งพับเพียบบ้าง เป็นบางครั้งบางคราวก็ได้ 2) มือขวาทับมือซ้าย ปลายนิ้วชี้มือขวาจรดกับนิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย ถ้าปลายนิ้วชี้ขวาจรดพอดี กับหัวแม่มือซ้าย จะเกิดประโยชน์อย่างอัศจรรย์ คือ 2.1) อกจะผาย ไหล่ไม่ห่อ คอไม่ตก และหายใจได้สะดวก ไม่ติดขัด ช่วยให้กายตั้งตรง นั่งได้ทน ไม่ปวดเมื่อย 2.2) เป็นนาฬิกาปลุกไปในตัว กล่าวคือ ขณะที่เผลอเพ่งจิตเบาไป จะพาให้ง่วงเคลิ้มโดยไม่รู้ตัว แต่ปลายนิ้วทั้งสองจะเลื่อนมายันกันเองโดยอัตโนมัติ ทำให้รู้ตัวเร็ว ไม่ถึงกับเผลอหลับไปก่อน จะได้หา วิธีแก้ง่วงทันท่วงที 3) ตั้งกายตรง สัตว์ทั้งหลาย เว้นจากมนุษย์แล้วได้ชื่อว่าเดรัจฉาน ซึ่งแปลว่า ผู้มีลำตัวไปตามขวาง ที่สัตว์ได้ชื่อเช่นนี้ เพราะสัตว์เหล่านั้นเคลื่อนที่ด้วยอาการทอดกายลง ให้อกขนานไปกับพื้นดิน ไม่ตั้งตรง เช่นกับคน แม้แต่ลิงซึ่งมีรูปร่างคล้ายกับคนมาก บางครั้งก็เดิน 2 เท้าได้คล้ายคน แต่ส่วนมากแล้ว มันก็ยัง ชอบเดิน 4 เท้า ให้อกขนานไปกับพื้นดิน ลิงจึงถูกจัดอยู่ในพวกเดรัจฉาน พวกสัตว์เดรัจฉานนี้ ถึงแม้ว่าจะ ฉลาดเฉลียว ปานใด ก็ฝึกสัมมาสมาธิไม่ได้ เพราะการที่มีลำตัวทอดไปตามขวางนั้น ทำให้หาศูนย์กลางกาย ฐานที่ 7 ได้ยากที่สุด สัตว์บางชนิด เช่น นาค ครุฑ กินรี ฯลฯ สามารถจะแปลงเป็นคนและฝึกสมาธิแบบฤๅษีชีไพรได้ แต่ธาตุแท้ดั้งเดิมของสัตว์เหล่านี้มีกายไปตามขวาง ทำให้ไม่สามารถหาฐานที่ 7 พบเช่นกัน จึงหมดโอกาส ฝึกสัมมาสมาธิ ดังนั้นสัตว์เหล่านั้นถึงจะแปลงเป็นคนได้ ทางศาสนา ก็ไม่ยอมให้บวชเป็นพระภิกษุ เพราะไม่อาจบรรลุมรรคผลนิพพานได้ บ เท ที่ 2 ก า ร ป รั บ ก า ย DOU 17
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More