ข้อความต้นฉบับในหน้า
ลงไปด้านล่าง จากเศียรของท่านลงไปที่หน้าตา แขน ตัก และขา
จากการศึกษาคำสอนของครูบาอาจารย์ เราสามารถจะสรุปออกมาได้อย่างนี้ว่า การนึกนิมิต
สามารถแบ่งการนึกได้ตามลักษณะดังต่อไปนี้ คือ
1. สัณฐานหรือรูปร่างของนิมิต จะเป็นรูปร่างอย่างไรก็ได้ขอเพียงเป็นสิ่งที่สามารถทำให้ใจ
ของเราสบายและสงบ แต่ที่ท่านแนะนำก็คือ เป็นองค์พระ หรือดวงแก้ว
2. สีสันของนิมิตจะเป็นสีอะไรก็ได้ เช่น สีแดง สีเหลือง สีเขียว แต่ที่แนะนำให้ใช้ก็คือ สีใส
3. ขนาดของนิมิตจะเล็กหรือใหญ่ก็ได้ แล้วแต่ความชอบใจของคนนึก อาจนึกให้ครอบตัว
หรือมีขนาดเล็กเท่าดวงดาวในอากาศก็ได้
4. ตำแหน่งของการนึก ให้วางนิมิตไว้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 เหนือสะดือ 2 นิ้วมือ
เราจะเห็นว่าข้อจำกัดของการนึกมีน้อยมาก แล้วแต่ความพอใจของคนปฏิบัติธรรม ขอเพียง
ให้นึกถึงสิ่งนั้นให้ได้ต่อเนื่องเป็นลำดับไป
4.5 วิธีการนึกนิมิต
การกำหนดนึกนิมิตตามที่ได้รวบรวมมาจากคำสอนของพระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธิ์
มีแนวทางในการปฏิบัติดังต่อไปนี้
1. นึกกำหนดนิมิต เป็น“ดวงแก้วกลมใส” ขนาดเท่าแก้วตาดำ ใสสนิท ปราศจากรอยขีดข่วน หรือ
รอยตำหนิใดๆ ขาวใส เย็นตาเย็นใจ ดังประกายของดวงดาว ดวงแก้วกลมใสนี้เรียกว่า บริกรรมนิมิต
นึกสบายๆ นึกเหมือนดวงแก้วนั้นมานิ่งสนิทอยู่ ณ ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 นึกไปภาวนาไป
อย่างนุ่มนวลเป็นพุทธานุสติว่า “สัมมา อะระหัง” หรือค่อยๆ น้อมนึกถึงดวงแก้วกลมใส ค่อยๆ
เคลื่อนเข้าสู่ศูนย์กลางกายตามแนวฐาน โดยเริ่มต้นตั้งแต่ฐานที่หนึ่งเป็นต้นไป น้อมด้วยการนึก
อย่างสบายๆ ใจเย็นๆ ไปพร้อมๆ กับคำภาวนา
การนึกจะต่างจากการคิด เพราะการนึกคือการเริ่มต้นอย่างเบาๆ สบายๆ เพลินๆ ไม่มีการเร่งการลุ้น
แต่การคิดจะเป็นการนึกที่หนักกว่าและมีขั้นตอน
เมื่อนิมิตดวงใสและกลมสนิทปรากฏแล้ว ณ ศูนย์กลางกาย ให้วางอารมณ์สบายๆ กับนิมิตนั้น
จนเหมือนกับว่า นิมิตเป็นส่วนหนึ่งของอารมณ์ หากดวงนิมิตนั้นอันตรธานหายไป ก็ไม่ต้องนึกเสียดาย
ให้วางอารมณ์สบายๆ แล้วนึกนิมิตนั้นขึ้นมาใหม่แทนดวงเก่า หรือเมื่อนิมิตนั้นไปปรากฏที่อื่น ที่มิใช่
บทที่ 4 น ม ต แ ล ะ ก า ร น ก นิ มิต
DOU 43