ข้อความต้นฉบับในหน้า
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) 49
“ดวงธรรมนั่นจึงไม่ใช่ตัว แต่ว่าเป็นที่อาศัยตัว ตัวต้องอาศัยดวงธรรมนั้น
ถ้าดวงธรรมนั้นไม่มี ตัวก็ไม่มี สมมุติก็สมมุติด้วยกัน วิมุตติก็วิมุตติด้วยกัน ปัจจัย
ปรุงแต่งได้ ก็ปรุงแต่งได้ด้วยกัน ปรุงแต่งไม่ได้ ก็ไม่ได้ด้วยกัน ขาดจากปัจจัยปรุงแต่ง
ก็ขาดด้วยกัน เพราะเป็นตัวอาศัยกันอย่างนี้”
เมื่อรู้ชัดว่าธรรมทั้งหลายไม่ใช่ตัว ตัวไม่ใช่ธรรม เราก็จักตั้งใจแน่แน่วเข้าถึงธรรมกายให้ได้
จนถึงธรรมกายอรหัตละเอียด เท่านี้เราก็จะเป็นสุขเกษมสำราญเบิกบานใจ พระพุทธเจ้าไปทางไหน
เราก็จะไปทางนั้น
ธาตุมีเป็นชั้นๆ อาจแบ่งแบบกว้างมีเพียง ๒ ประเภท
๑. ภายนอกเป็น สราคธาตุสราคธรรม ประกอบด้วยดิน น้ำ ไฟ ลม วิญญาณ อากาศ ทั้งที่
มองไม่เห็น จนกระทั่งเป็นไร่นา สัตว์ บุคคล ไม่มีที่สุด
๒. เข้าไปในกลางของกลางหลุดจากสราคธาตุสราคธรรมเข้าถึง วิราคธาตุวิราคธรรม เป็นชั้นๆ
เข้าไป ใหญ่โตหนักเข้าไป ไม่มีที่สุด เต็มธาตุเต็มธรรม ไม่มีที่ว่าง
“ผู้เทศน์เองก็ได้ค้นคว้าหาเหตุผลเหล่านี้นักหนา แต่ว่ายังไปไม่ถึงสุด ไป
ยังไม่สุดในวิราคธาตุวิราคธรรม ถ้าไปสุดเวลาไรละก็ วิชชาของผู้เทศน์นี่ สำเร็จ เวลา
นั้น ภิกษุสามเณรจะต้องเหาะเหินเดินอากาศได้ทันทีทีเดียว ไม่ต้องไปสงสัย ละ
เวลานี้กำลังไปอยู่ทั้งวันทั้งคืน วินาทีเดียวไม่ได้หยุดเลย ตั้งใจจะไปให้สุด วิราคธาตุ
วิราคธรรมนี่แหละ ตั้งแต่ต้นจนกระทั่งบัดนี้ นับได้ ๒๒ ปี 5 เดือนเศษ เกือบครึ่ง
ล่ะ จะไปให้สุดวิราคธาตุวิราคธรรม ถ้าว่าสุดแล้ว ก็รู้ดอกไม่ต้องสงสัยละ รู้กัน
หมดทั้งสากลโลก ถ้าสุดเข้าแล้ว รบราฆ่าฟันก็เลิกกันหมด มนุษย์ในสากลโลก
ร่มเย็นเป็นสุขหมด ไม่ต้องทำมาหาเลี้ยงชีพ มีผู้เลี้ยงเสร็จ เป็นสุขเหมือนอย่างพระ
เหมือนอย่างกับเทวดา เหมือนกับพระนิพพาน สุขวิเศษไพศาลอย่างนั้น
พวกเราทั้งหลายนี้ไม่ได้ไปกันเลย ยังเฉยๆ อยู่ มัวชมสวนดอกไม้ในโลกนี่เอง
ชมรูปบ้าง เสียงบ้าง กลิ่นบ้าง รสบ้าง ก็อยู่ที่เดียวนั่นเอง ไม่ได้ไปไหนกับเขาเลย
นี่พวกจะไปก็มีภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา จะไปให้สุดวิราคธาตุวิราคธรรม
แต่อ้าว....พอไปก็เลี้ยวกลับกันเสียแล้ว ไม่ไปกันจริงๆ ไปชมสวนดอกไม้อีกแล้ว ไป
เพลิดเพลินในบ้านในเรือนกันอีกแล้ว กลับกลอกๆ อยู่อย่างนี้แหละจะเอาตัวไม่รอด
ชีวิตไม่พอ
เหตุนี้ให้พึงรู้ว่า สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เราไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ตัวของเรา จึงจะเข้า
ถึงวิราคธาตุวิราคธรรมได้ ที่จะเข้าถึงวิราคธาตุวิราคธรรมน่ะ ต้องปล่อยชีวิต
จิตใจนะไปรักไปห่วงอะไรไม่ได้ ปล่อยกันหมดสิ้นทีเดียว ต้องทำใจหยุดนั่นแหละ
จึงจะไปถึงวิราคธาตุวิราคธรรมได้ ต้องทำใจหยุด หยุดในหยุด ไม่มีถอยกัน ไม่มี
กลับกันละ นั่นแหละจึงจะไปสุดได้ ถ้าใจอ่อนแอไปไม่ได้ดอก ต้องใจแข็งแกร่ง ที่
เดียวจึงไปได้”