ข้อความต้นฉบับในหน้า
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) 57
“ถ้าไม่เผลอในความเสื่อมนั้น ทำอะไรเป็นได้ผลหมด เป็นภิกษุ สามเณร
ทำอะไรเป็นได้ผลหมด เล่าเรียนก็สำเร็จ คันถธุระ วิปัสสนาก็สำเร็จ ไม่ท้อถอย ฝ่าย
อุบาสก อุบาสิกา ทำนาก็รวยกันยกใหญ่ ทำสวนก็รวยกันยกใหญ่ ทำไร่ก็รวยกัน
ยกใหญ่ เป็นคนไม่เกียจคร้านทีเดียว”
พระพุทธเจ้าทรงอุปมาอุปไมยไว้ว่า
ปทชาติทั้งหลาย รอยเท้าสัตว์ทั้งหลายในชมพูทวีปต้องประชุมลงในรอยเท้าช้างฉันใดก็ดี ธรรม
ทั้งหลายที่เป็นกุศลหมดทั้งสิ้น ย่อมมีความไม่ประมาทเป็นต้นเค้า ประชุมลงด้วยความไม่ประมาท
ธรรมของพระบรมศาสดาจบพระไตรปิฎก มีความไม่ประมาทเป็นต้นเค้า ความประมาท
และความไม่ประมาท จึงเป็นข้อสำคัญ
“ความประมาทนะ คือเผลอไป ความไม่ประมาทนะคือ ความไม่เผลอ ไม่
เผลอล่ะ ใจจดจ่อทีเดียว นั่นอธิศีล อธิจิต อธิปัญญา นี่เรียกว่าผู้ไม่ประมาท”
เมื่อเห็นความเสื่อม ย่อมไม่ประมาท คือไม่เผลอ นึกหนักเข้าๆ แล้วใจหาย นี่เรามาคนเดียว
เราก็ตายคนเดียว ทำชั่วเลิกละหมด
“เอ๊ะ นี่เราก็ตายคนเดียวสิ บุรพชนต้นตระกูล ของเราไปไหนหมดล่ะ
อ้าว..ตายหมด เราล่ะก็ตายแบบเดียวกัน ตกใจละคราวนี้ ทำชั่วเลิกละทันที รีบทำ
ความดีโดยกระทันหันทีเดียว เพราะไปเห็นอ้ายความเสื่อมเข้า
อะไรทำให้ประมาท ?
สุรา ความเมา ทำให้เสียคน ไม่รู้จักพ่อแม่ญาติพี่น้อง
เมาอีกอย่างเรียก เมามัน เป็นอีกหนึ่งของความประมาท เช่น ลูกไม่เคารพพ่อแม่
“อ้ายเมาสุราน่ะมีเวลาสร่างนะ อ้ายเมาอีกอย่างหนึ่งล่ะ อ้ายนั่นเมาสำคัญ
เขาเรียกว่า เมามัน ถ้าว่าช้างก็เรียกว่า เมามัน พ่อแม่เลี้ยงลูกหญิงลูกชายมานะ
ถ้าเมามันขึ้นมาแล้วก็ไม่ได้ละ แม้ว่าเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นแหละ หญิงก็ลงจมูกปิด
ทีเดียว ชายก็ลงจมูกปิด นี่เป็นเหตุประมาทสำคัญ
ความประมาท นักปราชญ์ทั้งหลายติเตียนว่าเป็นทางไปของคนเมา ของคนไม่มีสติ ของคน
พลั้งเผลอของคนพาล ไม่ใช่ทางไปของบัณฑิต ความไม่ประมาทเป็นทางไปของบัณฑิตแท้
พระบรมศาสดา พระอรหันต์ทั้งหลาย เป็นผู้ไม่ประมาทแล้ว พระอนาคาลงมาถึงโคตรภูบุคคล
ที่มีธรรมกายแล้ว ก็ไม่ประมาทตามส่วนของท่าน ปุถุชนแท้ๆ น้อยคนนักจะมีความไม่ประมาท
เมื่อรู้จักความจริง ให้ตั้งใจว่าต่อนี้ไป จะนึกถึงความเสื่อมในสกลร่างกายไม่ขาด จะเอาใจจรด
อยู่ ที่ความเสื่อมนั้น เมื่อลืมตาขึ้นเห็นภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกาความเสื่อมมันแสดงให้ดู ประ
เดี๋ยว ก็ตายให้ดู ได้ยินเสียงพระสวดก็ดี เห็นโลงก็ดี เป็นอย่างนี้หมดทั้งสากลโลก
๓. เมื่อเห็นความเสื่อมแล้ว ให้เรามั่นคงในอธิศีล อธิจิต อธิปัญญา
อธิศีล เข้าถึงดวงใสเท่าดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ อยู่ในกลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์
ใสบริสุทธิ์ ถ้ายังไม่เห็นก็เป็นเพียงบริสุทธิ์กาย วาจา เจตนาเป็น “เจตนาศีล” เท่านั้น