ข้อความต้นฉบับในหน้า
58 สาระสำคัญพระธรรมเทศนา
อธิจิต อยู่ในกลางอธิศีล ดวงเท่าๆ กัน ถ้าเข้าถึงอธิจิตได้ชื่อว่า “เป็นผู้มั่งคั่ง” ไม่โยกคลอน
อธิปัญญา เข้าถึงดวงปัญญา อยู่ในกลางดวงศีล ใสยิ่งกว่าใสขึ้นไป สะอาดยิ่งกว่าสะอาด เท่า
ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ หากเฉลียวฉลาดในกาย วาจา ก็เป็นเพียง “ปัญญาภายนอก” หรือความฉลาด
ของปัญญา ไม่ใช่อธิปัญญา
“เมื่อเข้าถึงอธิศีล อธิจิต อธิปัญญา แล้วละก็ จะเข้าถึงธรรมกายเป็นลำดับ
ไป เมื่อเข้าถึงอธิศีล อธิจิต อธิปัญญา ละก็ไม่พ้นละ ต้องเข้าถึงธรรมกายแน่ เป็น
ทางไปของพระพุทธเจ้า พระอรหันต์จริงๆ แท้ๆ เมื่อรู้จักแน่เช่นนี้ละก็ จะไป
นรกกันได้อย่างไร ไม่ไปแน่นอน ถ้าทำหนักเข้า ปฏิบัติเข้า ก็จะเป็นลำดับไป
มรรคผลต้องอยู่กับเราแน่ ต้องออกจากวัฏฏะทั้งสามแน่ๆ คือ กรรมวัฏฏ วิปาก
วัฏฏ กิเลสวัฏฏ ต้องออกจากภพสามแน่ๆ คือ กามภพ รูปภพ อรูปภพ มี
นิพพานเป็นที่ไปในเบื้องหน้า
เมื่อเข้าถึงอธิศีล อธิจิต อธิปัญญา ก็จะเข้าถึงวิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ ถึงกายมนุษย์ละเอียด
เห็นดวงธรรมทั้ง 5 และกายในกายต่างๆ ถึงกายธรรมอรหัตละเอียดเป็นลำดับ
จะเข้าถึง “อรหัต “ตัดกิเลสได้ ต้องอาศัย อธิศีล อธิจิต อธิปัญญา
วินัยปิฎก ย่อลงไปแล้วคือ อธิศีล
สุตตันตปิฎก ย่อลงไปแล้วคือ อธิจิต
ปรมัตถปิฎก ย่อลงไปแล้วคือ อธิปัญญา
ดังนั้น เราจึงควรนึกถึงความเสื่อมอยู่เสมอ และตั้งอยู่ในความไม่ประมาท โดยอยู่ในอธิศีล อธิ
จิต อธิปัญญา
“ถ้าเข้าถึงอธิศีล อธิจิต อธิปัญญา ยังไม่ได้ ต้องรีบเร่งค้นคว้าหาอธิศีล อธิจิต
อธิปัญญา เหมือนอย่างบุคคลที่มีกระเช้าไฟ หรือเตาอั้งโล่ตั้งอยู่บนศีรษะ มัน
ร้อนทนไม่ไหว ต้องรีบหาน้ำดับ หรือเอาทิ้งเสียให้ได้ฉันใดก็ดี ต้องให้เจออธิศีล อธิจิต
อธิปัญญา ถ้าไม่เจอต้องรีบขวนขวายทีเดียว จึงจะเอาตัวรอดได้ ไม่เสียทีที่เกิดมา
เป็นมนุษย์พบพุทธศาสนา”