สาระสำคัญพระธรรมเทศนาเกี่ยวกับตัณหาและทางพุทธศาสนา ๖๙ กัณฑ์หลวงปู่วัดปากน้ำ กัณฑ์ที่ ๑๑-๓๐ หน้า 11
หน้าที่ 11 / 67

สรุปเนื้อหา

บทความนี้สนทนาเกี่ยวกับอายตนะและตัณหาที่มีผลต่อการเกิดและการหลุดพ้นจากทุกข์ในพุทธศาสนา อธิบายว่าตัณหามี 3 ประเภท ได้แก่ กามตัณหา, ภวตัณหา, และวิภวตัณหา โดยเหตุผลที่คนติดอยู่กับการเวียนว่าย ตัณหานี้เป็นสาเหตุให้ไม่สามารถหลุดพ้นจากทุกข์ได้ได้ ชี้ให้เห็นถึงวิธีการละตัณหาเพื่อเข้าถึงนิพพาน และเน้นว่าต้องหยุดที่ศูนย์กลางดวงธรรมเพื่อทำความเข้าใจสัจธรรมทั้ง ๔ เพื่อให้ประสบความสำเร็จทางพุทธศาสนาและหลีกเลี่ยงอบายภูมิ รวมถึงการทำความเข้าใจในเรื่องสมาบัติและการเข้าถึงกายธรรมสาระสำคัญของการปฏิบัติในพุทธศาสนาเพื่อการบรรลุเป้าหมายสูงสุด

หัวข้อประเด็น

-อายตนะ
-ตัณหา
-หลุดพ้นจากทุกข์
-นิพพาน
-สัจธรรมทั้ง ๔
-ธรรมกาย

ข้อความต้นฉบับในหน้า

52 สาระสำคัญพระธรรมเทศนา ๖ เช่น อายตนะของทิพย์ (สวรรค์ 5 ชั้น) อายตนะที่ทรามลงไป ก็เป็นกำเนิดของสัตว์เดรัจฉาน อสุรกาย เปรต นรก (อบายภูมิทั้ง ๔) ประกอบด้วยนรก 8 ขุมใหญ่ ขุมหนึ่งๆ มีอุสสทนรกเป็น บริวารล้อมรอบ ๔ ด้านๆ ละ ๔ ขุม เป็น ๑๖ ขุม และมียมโลกนรก ๔ ทิศๆ ละ ๑๐ รวมนรก ๔๕๖ ขุม ใครทำดีชั่วอย่างไร อายตนะดึงดูดไปเกิดมาเกิดในภพภูมินั้นๆ ขุมเป็น ๔๐ ขุม ตาธรรมกายเห็นว่า สัตว์โลกติดอยู่ เพราะอายตนะเหล่านี้ เห็นทีเดียวว่าใครทำให้เกิด “ตัณหานี่แหละเป็นแดนให้เกิดพร้อมทีเดียว” ทุกข์ สมุปปาท์ ตัณหา ตัณหา คืออะไร ? กามตัณหา อยากได้รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส อายตนะของกามตัณหานำไปสู่อบายภูมิทั้ง ๔ มนุษย์ สวรรค์ 5 ชั้น ภวตัณหา ติดสุขในฌาน ๔ ดวง เป็นเหตุให้เกิดในรูปภพ ๑๖ ชั้น วิภวตัณหา เมื่อไม่พบศาสนาของพระบรมศาสดา ก็เข้าใจเองว่า อรูปภพทั้ง ๔ เป็นนิพพาน จึงติดอยู่แค่นี้ ตาธรรมกายมองเห็นหมด ทั้งฌาน ทั้งรูปพรรณสัญฐานของตัณหาว่า ถ้าละตัณหาไม่ได้ จะ หลุดพ้นไม่ได้ เข้าสมาบัติตรวจทบทวนทุกประการว่า ต้องละตัณหานี้ให้ได้ เราจะละกามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา อย่างไร ? วิธีละตัณหา : ใจต้องหยุด หยุดที่ศูนย์กลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ ผ่านดวงต่างๆ ทั้ง 5 ดวง สลับ กายต่างๆ จนถึงกายธรรมอรหัตละเอียด เข้าถึงแล้วหลุดหมดทั้ง ๓ ตัณหา ถึงพระนิพพานเป็นที่ดับ แห่งทุกข์ แต่ละชั้นของธรรมกาย เดินสมาบัตินิ่งอยู่ในฌานทั้งหลายแบบเดียวกัน เห็นทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ครบ ๔ ก็ปล่อยเข้ากายต่อไปจนถึงกายอรหัตละเอียด หมดกิเลสเป็นสมุทเฉทปหาน เรียกว่า สําเร็จโสฬสกิจ คือ เสร็จกิจ ๑๖ ไม่ตกกันดารเรียกว่านิพพานก็ได้ เสร็จกิจ ๑๖ คือ ทุกขสัจ สมุทัยสัจ นิโรธสัจ มรรคสัจ ในกายมนุษย์ ๔ กายทิพย์ ๔ กายรูป พรหม ๔ กายอรูปพรหม ๔ รวมเป็น ๑๖ นี้เสร็จกิจทางพุทธศาสนา ทางพระอรหัตแค่นี้ ปริยัติเป็น ตอนต้น เดินสมาบัตินั้นเป็นปฏิบัติแท้ๆ เมื่อเข้าถึงกายธรรมพระโสดาก็เริ่มเป็นปฏิเวธ ไปเป็นลำดับ ศาสนาจึงมี ทั้งปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ถ้าเข้าไม่ถูกก็เอาอะไรไม่ได้ “ถึงอายุจะแก่ปานใด จะโง่เขลาเบาปัญญาปานใด ถ้าเข้าถึงทุกขสัจ สมุทัย สัจ นิโรธสัจ มรรคสัจไม่ได้ ดังแสดงมาแล้วนี้ จะปฏิบัติศาสนาเอาเรื่องเอาราวไม่ ได้ ถ้าว่าคนละโมฆชินโณ แก่เปล่า เอาอะไรไม่ได้ เอาเรื่องไม่ได้ เหตุนี้แหละทาง พุทธศาสนาจึงนิยมนับถือนักในเรื่องสัจธรรมทั้ง ๔ นี้” ธรรมกายเป็นผู้เห็น เป็นผู้รู้ ทุกขสัจ สมุทัยสัจ นิโรธสัจ มรรคสัจ นี่แหละเป็นธรรมสำคัญ ในพุทธศาสนา มาอาศัยธรรมอันนี้เป็นที่พึ่งแล้ว ย่อมหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หน้าหนังสือทั้งหมด

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More