ข้อความต้นฉบับในหน้า
76 สาระสำคัญพระธรรมเทศนา
วิหารี
๒๒
อุทานคาถา
(ธรรมที่ทำให้สิ้นสงสัย ๑)
๒๑ มีนาคม ๒๔๙๗
นโม.....
ยทา หเว ปาตุภวนฺติ ธมมา...
เป็นธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงเปล่งขึ้นด้วยพระองค์เอง ปรารภถึงธรรมว่าเป็นของอัศจรรย์นัก
ยทา ทเว ปาตุภวนฺติ ฯ “เมื่อใด ธรรมทั้งหลายปรากฏแก่พราหมณ์ ผู้มีความเพียรเพ่งอยู่
เมื่อนั้น ความสงสัยทั้งปวงของพราหมณ์ย่อมสิ้นไป”
อง อุทาน
“ธรรมที่เกิดขึ้นแก่พราหมณ์ ถ้าว่าไม่รู้จัก ฟังสัก ๑๐๐ › ครั้งก็ไม่ได้เรื่อง
คาถานี้ลึกซึ้งอยู่ ไม่ใช่ของง่าย เผอิญจะต้องกล่าวไว้ย่อ เรียกว่า | อุทานคาถา”
ธรรมนั้นมีอยู่ที่มนุษย์ทุกคน เรียก “ดวงธรรม” บางคนเห็น บางคนไม่เห็น เหมือนคนตาบอด
พระพุทธเจ้ารับสั่งในเรื่องธรรมว่า ธรรมเครื่องอยู่เป็นสุขในปัจจุบันทันตาเห็น “ทิฏฐธมฺมสุข
พวกได้ธรรมกาย มีธรรมปรากฏแก่ตัวเสมอ ติดอยู่กับใจคนนั้นสว่างไสว ถ้าปฏิบัติดี ก็สว่าง
เหมือนดวงอาทิตย์เวลากลางวัน
ธรรมมีหลายดวง สว่างต่างกัน เหมือนประทีปเล็กก็สว่างน้อยกว่า มนุษย์มีธรรมทุกคน เรียก
ดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ ตั้งแต่ดวงธรรม กายมนุษย์ ถึงกายธรรมพระอรหัต
“เมื่อนั้นความสงสัยทั้งปวง ของพราหมณ์นั้นย่อมสิ้นไป” เพราะใจไปติดอยู่เสียกับธรรม เห็น
ธรรมแล้ว ก็หมดสงสัย
ธรรมน่ะอยู่ที่ไหน ?
มนุษย์อยู่ที่ไหน ธรรมอยู่ที่นั่น เรียกดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ ใสบริสุทธิ์ ใจติดกับดวง
ธรรมกายมนุษย์ ได้ชื่อว่าธรรมนั้นปรากฏแก่มนุษย์นั้นแล้ว
มนุษย์ละเอียด
ถ้าใจกายมนุษย์ละเอียดติดที่ศูนย์กลางดวงธรรมกายมนุษย์ละเอียด ธรรมนั้นก็ปรากฏแก่กาย
เป็นเช่นนี้ผ่านกายต่างๆ จนถึงกายอรหัตละเอียด ติดอยู่เสมอไม่หลุด ได้ชื่อว่า ธรรมปรากฏ
“ธรรมอันนี้แหละเป็นตัวจริงละ ให้เอาใจติดอยู่ตรงนี้แหละ อย่าไปเที่ยวหา
อื่นให้มันอื่นจากศูนย์กลางกายมนุษย์ กลางกายของตัวไปเลย ตรงนั้นแหละ
เอาใจไปจรดอยู่ตรงนั้นแหละ ถ้ายังไม่เห็นนานๆ ก็เห็นเอง พอถูกส่วนเข้าก็เห็น
เอง ที่ไปหาที่อื่น ไปหาธรรมในป่าในดอนในดงกันยกใหญ่ทีเดียวเพราะไม่เห็น
พอไป เห็นเข้าแล้ว โธ่..ผ้าโพกหัวหาแทบตาย ไม่เห็น อยู่บนหัวนี่เอง ไปหา
ธรรมแทบตาย ธรรมอยู่กลางของตัวนั่นเอง”