ข้อความต้นฉบับในหน้า
66 สาระสำคัญพระธรรมเทศนา
Od
โอวาทปาฏิโมกข์ ๑
(ปัญญาเบื้องต่ำ และ ปัญญาเบื้องสูง)
๔ มีนาคม ๒๔๙๗
นโม.....
กถญฺจ ปญฺญา สมุมทุกขาโต.......
พระพุทธศาสนา มีศีลเป็นเบื้องต้น สมาธิ เป็นท่ามกลาง ปัญญา เป็นเบื้องปลาย เป็นลำดับ
ในการเทศนาของพระพุทธองค์
แต่ในวิสุทธิมรรค อัฏจังคิกมรรค พระองค์ทรงแสดงปัญญาไว้เป็นเบื้องต้น เป็นปฐมเทศนา
ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร โปรดปัญจวัคคีย์ ซึ่งชำนาญดีแล้วในเรื่องศีล สมาธิ แต่ไม่คล่องทางปัญญา
“คำว่าปัญญานี้น่ะ ไม่ใช่เป็นของง่าย ถ้าให้ฟังไป ๑๐๐ ปี ว่าปัญญานะ
อะไร ? รูปพรรณสัณฐานเป็นอย่างไร ? โตเล็กเท่าไหน อยู่ที่ไหน กลม แบน
ยาวรี สี่เหลี่ยม อย่างไรกัน เอาเถอะหมดทั้งประเทศไทย ถ้าว่าเข้าดังนี้ละก็ไม่รู้
เรื่องกันทีเดียวแหละ ได้ยันกันป่นปี้”
ปัญญาที่พระพุทธองค์ตรัสแล้วโดยเบื้องต่ำ คือ ปรมัตถปิฎก ซึ่งเป็นข้อสำคัญทางปัญญา
(วินัยปิฎก เป็นศีล สุตตันตปิฎก เป็นสมาธิ) มีพระมหากัสสปะกระทำปฐมสังคายนา
อิธ อริยสาวโก ปญฺญวา โหติฯ อริยสาวกในธรรมวินัย ของพระตถาคตเจ้านี้
ย่อมเป็นผู้มีปัญญา เป็นผู้มาตามพร้อมแล้วด้วยปัญญา
อันเป็นข้อปฏิบัติให้ถึงซึ่งความเกิดดับ
พระพุทธเจ้าทรงยกอริยสาวก เป็นตำรับตำราว่า อิธ อริยสาวโก ก็เพราะพระอริยสาวกมี ปัญญา
ความรู้ความเห็นที่แน่นอนแล้ว ยกพระสาวกตั้งแต่โสดาปัตติมรรค โสดาปัตติผล สกิทาคามิมรรค สก
ทาคามิผล อนาคามิมรรค อนาคามิผล อรหัตตมรรค อรหัตตผล ๔ จำพวกนี้ เป็น “อริยสาวก”
ต่ำลงมา เป็นผู้มีธรรมกาย เรียก “สาวกชั้นโคตรภู” ปรารถนาจะออกจากโลกเข้าเป็นอริยสาวก
แต่ยังอาจกลับมาเป็น ปุถุชนสาวก
พวกไม่มีธรรมกาย เป็น “ปุถุชนสาวก” ยังหนาด้วยกิเลส
ปญฺญวา โหติ เป็นผู้มีปัญญา เป็นอย่างไร ?
ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นคำที่กล่าวด้วยกัน แต่ไม่ค่อยมีการแสดงเรื่องปัญญา
ศีล สำหรับปราบปรามความชั่วทางกาย ไม่ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ผิดในกาม
สมาธิ สำหรับปราบปรามความชั่วทางใจ ไม่ให้เกียจคร้าน ลอกแลก เหลวไหล