ข้อความต้นฉบับในหน้า
82 สาระสำคัญพระธรรมเทศนา
๒๔
ติลักขณาทิคาถา ๒
(วิปัสสนาภูมิ)
๔ เมษายน ๒๔๙๗
นโม.....
สพฺเพ สงฺขารา อนิจจาติ.....
พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมสำหรับพุทธบริษัทสี่ โดยทรงแยกแยะธรรมเป็นหลายประเภท ที่
ยกมาแสดงนี้เป็นประเภทวิปัสสนาภูมิปาท หรือธรรมบทวิปัสสนา หลังการเสด็จดับขันธปรินิพพาน
ได้มีการทำสังคายนา ดังมีความว่า
สพฺเพ สังขารา อนิจจาติ ฯ เมื่อบุคคลเห็นตามปัญญาว่า สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง
เมื่อนั้นย่อมเหนื่อยหน่ายในทุกข์ นี้เป็นหนทางหมดจดวิเศษ
รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ของกายมนุษย์ถึงกายอรูปพรหม ๘ กาย ล้วนไม่เที่ยง มี
อายุขัยกัปป์ เช่น อายุมนุษย์ลดจาก ๑๐๐ ปี ในสมัยพุทธกาล ลงเหลือ ๗๕ ปี
สิ่งที่อาศัยธาตุ - อาศัยธรรม สังขารนี้ไม่เที่ยงเลย ไม่ว่าจะเป็น ติณชาติ รุกขชาติ บ้านเรือน
ภูเขา ฯลฯ เมื่อโลกอันตรธาน ก็ย่อยยับหมด
เมื่อเห็นตามปัญญานี้ ความถือมั่นใดๆ ในโลกในภพ ย่อมไม่มี เป็นหนทางอันหมดจดวิเศษ
สพฺเพ สังขารา ทุกชาติ สังขารทั้งปวงเป็นทุกข์
เบญจขันธ์ของกายมนุษย์เป็นทุกข์ ตั้งแต่เด็กอยู่ในท้อง เป็นทุกข์ทั้ง ๔ กาย มีสุขบ้างเล็กน้อย
เมื่อมนุษย์รู้เห็นเช่นนี้ ก็เบื่อหน่ายในทุกข์เป็นหนทางหมดจดวิเศษ
“นึกดูเบญจขันธ์ทั้ง ๕ ของกายมนุษย์เป็นสุขหรือเป็นทุกข์ ถ้าว่าคนเจ็บ
ไข้ละก็เห็นว่าเป็นทุกข์ คนแก่ชรานั่นเห็นเป็นทุกข์จริงๆ ถ้าว่าเป็นทุกข์จริง เป็น
ทุกข์ ตลอด เด็กอยู่ในท้องก็ดี คลอดแล้วก็ดี เป็นเด็กเล่นโคลนเล่นทรายอยู่ก็ดี หรือ
รุ่นหนุ่ม รุ่นสาวก็ดี หรือแก่เฒ่าชราปานใดก็ดี ถ้าว่าไม่พิจารณาตามความเป็นจริง
แล้วสุขหายากนัก ทุกข์มากเป็นทุกข์จริง”
ธรรมทั้งหลายไม่ใช่ตัว
- รูปธรรม นามธรรมไม่ใช่ตัว
- เบญจขันธ์ทั้ง ๕ ในภพทั้งสาม คือ กามภพ รูปภพ อรูปภพ ไม่เที่ยงเป็นทุกข์จริงๆ
- ดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ มนุษย์ละเอียด ถึงพระอรหัต ก็ล้วนไม่ใช่ตัว เพียงแต่
อาศัยซึ่งกันและกัน เมื่อเห็นจริงลงไปดังนี้ว่าธรรมทั้งหลายไม่ใช่ตัว ย่อมเบื่อหน่ายในทุกข์ นี้เป็น
หนทางหมดจดวิเศษ