ข้อความต้นฉบับในหน้า
68 สาระสำคัญพระธรรมเทศนา
ทุกกายเดินแบบเดียวกัน ๑๘ กาย ถึงกายอรหัตละเอียด ดังนั้นทางไปนิพพานคือ ต้องไป
ในทางศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ
ปัญญา
ดวงปัญญาของมนุษย์ ขนาดดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ ของกายต่างๆ โตไปเป็นลำดับ ดวงปัญญา
ของกายธรรมใหญ่โตมาก แต่ธรรมดวงนั้นของปุถุชนมัว คล้ายเปลือกๆ ไม่ได้เป็นปัญญา ที่เป็นแก่น
“ปุถุชนใช้ปัญญาผิวๆ เผินๆ ตัวเองก็ไม่เห็นปัญญา ไม่รู้จักว่ามันอยู่ที่ไหน
และก็ไม่รู้จักว่า รูปพรรณสัณฐานมันเป็นอย่างไร เพราะไม่เห็น เพราะทำไม่เป็น”
พระอริยสาวก เป็นผู้มีปัญญา ประสงค์ดวงปัญญาดวงนี้นั่นเอง
“มาตามพร้อมแล้วด้วยปัญญา อันเป็นข้อปฏิบัติให้ถึงซึ่งความเกิดดับ
ปัญญามองดูแต่ความเกิดดับเท่านั้น เพราะหมดทั้งสากลโลก มีแต่เกิดกับดับเท่านั้นเห็นอย่างไร
ก็รู้อย่างนั้น รู้ชัดทุกสิ่งตั้งแต่ต้นจนปลาย เรียกว่า “ปัญญา”
“ตั้งต้นแต่มนุษย์ถึงรูปพรหม อรูปพรหมเห็นไม่ถนัดนักหรอก เห็นรัวๆ ไม่
ชัดนักเพราะเป็นของ ละเอียด เห็นความเกิดดับ จริงๆตามนุษย์เรานี่ก็เห็น เอา
ไปเผาไฟเสียออกย่ำแย่เชียว ทิ้งน้ำ ฝังดิน เกิดดับๆทั้งนั้นแหละ หมดทั้งสากลโลก
ตึกร้านบ้านเรือน ต้นไม้ภูเขาสิ่งที่เห็นด้วยตา ได้ยินด้วยหู ได้ทราบด้วยจมูก ลิ้น
กาย ใจ เกิดดับหมดทั้งนั้น รู้ชัดทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนปลายนี้เรียกว่า ปัญญา”
แต่ว่ารู้ด้วยปัญญาอย่างนี้ เป็นปัญญาโดยปริยายเบื้องต่ำ
ปัญญาโดยปริยายเบื้องสูง
อิธ ภิกฺขุ
ผู้ศึกษาในธรรมวินัยของพระตถาคตเจ้านี้
อิท ทุกฺขนฺติ ฯ รู้ตามความเป็นจริงว่าสิ่งนี้เป็นทุกข์ เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ เป็นความดับทุกข์
1
เป็นข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์
หมดทั้งก้อนกาย เป็น “ทุกข์” แท้ๆ เพราะ เกิด แก่ เจ็บ ตาย
กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา เป็นเหตุให้เกิด
นิโรธ ดับเหตุให้เกิด
มรรค เข้าถึงซึ่งมรรค คือ เดินทางศีล สมาธิ ปัญญา
เข้าถึงความดับ :
ดับกามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา คือเข้าถึงศีล สมาธิ ปัญญา เดินไปสู่มรรค
เมื่อหลุดจากกายมนุษย์หยาบ เดินไปทางศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ ทุก ๆ กาย
เข้าถึงกายมนุษย์ละเอียด จนถึงกายทิพย์ หมดจากอภิชฌา พยาบาท มิจฉาทิฏฐิ
ถึงกายรูปพรหม ละโลภะ โทสะ โมหะ ทั้งหยาบละเอียด
ถึงกายอรูปพรหม หมดราคะ โทสะ โมหะ