ข้อความต้นฉบับในหน้า
จากบทสนทนาระหว่างพระกุมารกัสสปะกับพระยาปายาสิ เป็นการอธิบายโดยใช้อุปมาอุปมัยให้
เห็นภาพตามจริงที่พระเถระท่านรู้ด้วยญาณทัสสนะของท่าน แต่เนื่องจากพระยาปายาสิเป็นนักทดลอง จึง
มีข้อโต้แย้งมาก แต่เมื่อแย้งจนหมดข้อสงสัยแล้วจึงยอมรับความจริงซึ่งในหัวข้อนี้ขอนำเสนอเพียงการโต้ตอบ
2 เรื่อง คือ การเดินทางไปสู่สุคติ และทุคติเท่านั้น ยังมีรายละเอียดอีกมาก นักศึกษาสามารถหาอ่านได้
จากพระไตรปิฎก ในปายาสิราชัญญสูตร
จากบทสนทนานี้ ทำให้เราได้ข้อสรุปว่า การพิสูจน์โดยการนึกคิด หรือทดลองด้วยทฤษฎีที่ตน
คิดค้นขึ้นมา ไม่สามารถที่จะหาคำตอบในเรื่องปรโลกได้ แม้พระเถระจะอุปมาได้ดีเพียงใด แต่ถ้าไม่เห็นด้วย
ตัวเอง ความเชื่อมั่นเรื่องปรโลกก็ไม่ได้เต็มร้อย ทำอย่างไรจึงจะพิสูจน์เรื่องนี้ได้เต็มร้อย ก็จะต้องศึกษา จาก
พุทธวิธีที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสั่งสอน จึงจะได้คำตอบในเรื่องนี้อย่างชัดแจ้ง จนหมดความสงสัยในที่สุด
1.4.2 การพิสูจน์ปรโลกด้วยพุทธวิธี
พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งความรู้ เป็นศาสนาที่เกิดจากการตรัสรู้ธรรมของพระสัมมาสัม
พุทธเจ้า ธรรมะที่พระองค์ตรัสรู้นั้นเป็นสัจธรรม ได้แก่ อริยสัจ 4 ซึ่งเป็นความจริงอย่างแท้จริง ดังนั้น
พระพุทธศาสนาจึงเป็นศาสนาแห่งความจริง พระพุทธองค์ทรงประกาศสัจธรรมที่ตรัสรู้นั้นแก่ชาวโลก เพื่อ
ให้ชาวโลกได้รู้ความจริง รู้จักกฎแห่งกรรม ทรงสั่งสอนให้รู้ว่า ทำดีต้องได้ดี ทำชั่วต้องได้ชั่ว ทำบุญต้องได้
บุญ ทำบาปต้องได้บาป สอนให้รู้กฎเกณฑ์แห่งชีวิต หรือวงจรแห่งชีวิตที่เป็นไปตามเหตุปัจจัย การเวียน
ว่ายตายเกิดในภพภูมิต่างๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า อันเนื่องมาจากการกระทำของตนเอง
หากจะพูดถึงวิธีการพิสูจน์แล้ว มีอยู่ 2 วิธีใหญ่ คือ 1. พิสูจน์ตอนมีชีวิตอยู่ 2. พิสูจน์ตอนตาย
แต่เชื่อมั่นว่า นักศึกษาคงไม่เลือกวิธีที่ 2 อย่างแน่นอน คงต้องเลือกวิธีที่ 1 ดังนั้นเมื่อเรายังมีชีวิตอยู่ ก็
ต้องศึกษาวิธีการที่จะไปพิสูจน์เรื่องราวของปรโลกให้เห็นจริง เพื่อจะได้ไม่ลังเลในการทำความดี
วิธีการพิสูจน์นั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นผู้ค้นพบ และปฏิบัติจนเป็นผลสำเร็จ รู้ความเป็น
ไปของสรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวง รู้เห็นการกำเนิดของสัตว์ การเวียนว่ายตายเกิดของสัตว์ เราจะได้ศึกษา
ถึงวิธีการที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบความจริงของชีวิตหลังความตายว่า ตายแล้วไปไหน
การพิสูจน์แบบพุทธวิธีนั้น ทำได้ด้วยการเจริญสมาธิภาวนา ตามแบบพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่
พระองค์ ทรงนั่งขัดสมาธิคู่บัลลังก์ สละชีวิตเป็นเดิมพันใต้ควงไม้ศรีมหาโพธิ์ จนกระทั่งจิตสงบพบความ
สว่างไสวภายในอันไม่มีประมาณ น้อมจิตปล่อยใจตามกระแสธรรม ทำให้บรรลุคุณวิเศษ ที่เรียกว่าวิชชา 3
อันประกอบด้วย
1. ปุพเพนิวาสานุสติญาณ คือ ความรู้ที่ทำให้สามารถระลึกชาติในอดีตได้ หนึ่งชาติบ้าง สองชาติบ้าง
สิบชาติบ้าง ร้อยชาติบ้าง พันชาติบ้าง จนกระทั่งนับภพนับชาติไม่ถ้วน
2. จุตูปปาตญาณ คือ ความรู้ที่ทำให้รู้การเกิด การตายของสัตว์โลกทั้งหลาย ด้วยกรรมอะไรจึง
ทำให้มีผิวพรรณเลว ละเอียดประณีต ได้ดี ตกยากอย่างไร ด้วยทิพยจักษุ
3. อาสวักขยญาณ คือ ปัญญาหยั่งรู้ที่ปราบกิเลสอาสวะให้หมดสิ้นไป
1 โพธิราชกุมารสูตร, มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์, มก. เล่ม 21 ข้อ 506-508 หน้า 117-118.
ป ร โ ล ก วิ ท ย า
DOU 27