การจำแนกประเภทของมนุษย์ตามกรรม GL 102 ปรโลกวิทยา หน้า 91
หน้าที่ 91 / 180

สรุปเนื้อหา

บทความนี้นำเสนอการแบ่งประเภทของมนุษย์ตามกรรมในอดีตและการกระทำในปัจจุบัน โดยแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ 1. มนุษย์ที่มีกรรมชั่วในอดีต ทำให้เกิดเป็นคนยากจนและทุกข์ทรมาน 2. มนุษย์ที่มีชีวิตยากลำบากแต่พยายามทำความดี และมีโอกาสไปสวรรค์ 3. มนุษย์ที่เกิดมาสบายแต่ประมาท ทำอกุศลกรรม 4. มนุษย์ที่มีโอกาสในการทำดีและได้เกิดในสุคติ การเข้าใจประเภทของตนเองจะช่วยให้สามารถปรับปรุงพฤติกรรมเพื่อความสุขในปัจจุบันและอนาคตได้.

หัวข้อประเด็น

-การจำแนกประเภทของมนุษย์
-ผลของกรรม
-การสร้างบุญกุศล
-การเรียนรู้และปรับปรุงตัว

ข้อความต้นฉบับในหน้า

เลย เพราะเป็นคนมีกรรม มากไปด้วยโมหะ ไม่มีความคิดที่จะเลี้ยงชีพของตนโดยความอิสระ ต้องทุกข์ทน ต่อความเป็นทาสอย่างแสนสาหัส คนที่มีลักษณะนี้ เพราะการกระทำในอดีตมีความหลงผิด พ่อแม่ ครูบา อาจารย์ มีพระคุณล้นหัว แต่มองไม่เห็นพระคุณท่าน ไม่เชื่อฟังคำสอนของพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ซ้ำยัง เถียงคำไม่ตกฟาก ไม่ให้ความเคารพอีกด้วย 4. มนุษย์เทวดา คือ มนุษย์ที่รู้จักสิ่งใดเป็นประโยชน์ สิ่งใดเป็นโทษ รู้จักบาปบุญคุณโทษ รู้จัก ว่าสิ่งไหนดี สิ่งไหนชั่ว แล้วละเว้นสิ่งที่เป็นบาปอกุศล ตั้งใจประพฤติตนอยู่ในความดี มีศีล 5 เป็นปกติ มิได้ขาด มีความละอายและเกรงกลัวต่อบาป ไม่กล้าทำชั่ว ใช้ชีวิตของตนเองได้อย่างมีสาระ ไม่อยู่ไปวันๆ เป็นมนุษย์ผู้มีใจสูง บำเพ็ญบุญกุศลอยู่เป็นประจำ ทำทั้งทาน ศีล ภาวนา ทั้งทำด้วยตนเองและชักชวน ผู้อื่น มนุษย์ประเภทนี้เป็นประดุจเทพบุตร เทพธิดา ที่จุติลงมายังโลกมนุษย์ นอกจากการแบ่งประเภทของมนุษย์ตามลักษณะของการกระทำแล้ว พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังได้ แบ่งบุคคลตามการกระทำในอดีตที่ส่งผลในปัจจุบัน และกรรมในปัจจุบันที่ส่งผลต่อการไปสู่คติในอนาคต ดังที่มีกล่าวไว้ใน บุคคลสูตร ซึ่งแบ่งเป็น 4 ประเภท ดังนี้ ประเภทที่ 1 บุคคลผู้มีดมามีดไป คือ มนุษย์ที่ภพชาติในอดีตได้ทำบาปอกุศลไว้มาก จึงเกิดมา เป็นคนยากจน เป็นคนพิกลพิการไม่สมบูรณ์ ขาดโอกาสในการทำกิจต่างๆ แม้เป็นอย่างนี้ ก็ยังประพฤติ ผิดศีลผิดธรรม ทำบาปอกุศลทั้งทางกาย วาจา และใจ เมื่อละโลกไปแล้ว ก็ต้องไปเป็นสัตว์นรก เปรต อสุรกาย หรือสัตว์เดียรัจฉาน ชีวิตยิ่งตกต่ำลงไป ไม่รู้ว่าวันใดจะกลับเจริญรุ่งเรืองขึ้นอีก ประเภทที่ 2 บุคคลผู้มืดมาสว่างไป คือ มนุษย์ประเภทนี้ แม้จะมีชีวิตที่ยากลำบาก เพราะผล แห่งกรรมชั่วในอดีต แต่ก็คิดได้ สอนตัวเองเป็น แม้ไม่มีโอกาสดีๆ อย่างคนอื่นเขา แต่ไม่ย่อท้อต่อโชคชะตา อาศัยความดี ความเพียร และกัลยาณมิตรแนะนำแนวทางในการทำความดี มีความตั้งใจในการประกอบ กุศลกรรมด้วยกาย วาจา ใจ อย่างต่อเนื่อง เมื่อละโลกนี้ไป ก็ได้บังเกิดในสวรรค์ ประเภทที่ 3 บุคคลผู้สว่างมาแต่มืดไป คือ มนุษย์ผู้เกิดมามีความสมบูรณ์พร้อม เกิดในตระกูล สูง มีความเป็นอยู่สุขสบาย ไม่ลำบากในการทำมาหากิน มีโอกาสประกอบกุศลกรรมได้โดยง่าย แต่เป็น บุคคลที่มีความประมาทในชีวิต ใช้โอกาสที่ตนได้มานั้น ประกอบอกุศลกรรม ประพฤติผิดศีล ผิดธรรม เมื่อตายไปก็บังเกิดในอบายภูมิ ไปสู่ดินแดนที่มีแต่ความมืดมน ประเภทที่ 4 บุคคลผู้สว่างมาสว่างไป คือ มนุษย์ผู้ที่เกิดในตระกูลสูง ไม่ลำบากในการทำมาหากิน มีโอกาสที่จะทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนาได้อย่างเต็มที่ อย่างสะดวกสบาย และเป็นผู้ไม่ประมาทใน ชีวิต ได้ใช้โอกาสนั้น ประกอบกุศลกรรมอย่างเต็มที่ เมื่อตายไปย่อมไปบังเกิดในสุคติโลกสวรรค์ ในหัวข้อนี้ เราพอจะจำแนกประเภทของมนุษย์ได้ ตามลักษณะของการกระทำเป็นประการสำคัญ เมื่อนักศึกษาได้ทำความเข้าใจอย่างแจ่มชัดแล้ว เราควรย้อนกลับมาดูตัวเราเองว่า เรามีพฤติกรรมเช่นไร จัดอยู่ในคนประเภทไหน จะได้รีบแก้ไขตัวเอง ปรับปรุงตัวให้ดียิ่งๆ ขึ้น เพื่อความสุขในปัจจุบัน และความ สุขในอนาคต บุคคลสูตร, สังยุตตนิกาย สคาถวรรค, มก. เล่ม 24 ข้อ 394-397 หน้า 502-505. ป ร โ ล ก วิ ท ย า DOU 81
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More