การเรียนรู้เกี่ยวกับกายธรรมและนิพพาน GL 102 ปรโลกวิทยา หน้า 175
หน้าที่ 175 / 180

สรุปเนื้อหา

เนื้อหานี้นำเสนอการแบ่งประเภทของกายธรรม ในรูปแบบต่างๆ ตั้งแต่กายอรูปพรหมจนถึงกายธรรมพระอรหัต ทั้งหยาบและละเอียด อธิบายถึงวิธีการปฏิบัติธรรมที่ถูกต้องเพื่อให้บุคคลเข้าถึงกายธรรมของตนเอง โดยมีการเน้นว่ากายธรรมที่สมบูรณ์แบบคือ กายธรรมพระอรหัต ซึ่งเป็นผลจากการสั่งสมบุญบารมี อธิบายว่าทุกคนสามารถเข้าถึงได้หากปฏิบัติอย่างถูกต้อง และเตือนให้ระวังว่าความเข้าใจเกี่ยวกับนิพพานควรมีพื้นฐานจากการปฏิบัติจริง ไม่ใช่แค่ทฤษฎี

หัวข้อประเด็น

-กายธรรมและประเภทต่างๆ
-การปฏิบัติธรรม
-นิพพานและความสุข
-การสั่งสมบุญบารมี
-ความเป็นอนัตตา

ข้อความต้นฉบับในหน้า

กายอรูปพรหมหยาบ กายอรูปพรหมละเอียด และกายธรรมโคตรภูหยาบ กายโคตรภูละเอียด กายธรรมพระโสดาบันหยาบ กายโสดาบันละเอียด กายสกทาคามีหยาบ กายสกิทาคามีละเอียด กายอนาคามีหยาบ กายอนาคามีละเอียด กายธรรมพระอรหัตหยาบ กายธรรมพระอรหัตละเอียด กายเหล่านี้จะปรากฏให้เห็นในปัจจุบันชาตินี้ได้หากบุคคลนั้นปฏิบัติธรรมได้ถูกวิธี ก็จะเห็นเป็น แบบเดียวกันหมดเพราะมีอยู่แล้วในตัวทุกคนซึ่งขึ้นอยู่กับการสั่งสมบุญบารมีมามากน้อยเพียงไร กายสุดท้าย คือ กายธรรมพระอรหัตของผู้ที่สั่งสมบุญบารมีเต็มเปี่ยมแล้วนี่แหละ จะเป็นผู้ เสวยผลนิพพานสุขอย่างแท้จริง ทั้งในปัจจุบันชาตินี้ และเมื่อกายที่หุ้มอยู่ภายนอกเป็นชั้นๆ ไม่ ว่าจะเป็นกายมนุษย์ ทิพย์ รูปพรหม อรูปพรหม ซึ่งเป็นกายที่เกิดจากตัณหา เมื่อถึงเวลาต้อง ดับสลายไป กายธรรมอรหัตก็จะถูกอายตนนิพพานดึงดูดเข้าสู่อายตนนิพพาน เสวยนิพพานสุข อย่างเที่ยงแท้นิรันดร์กาล ดังที่พระพุทธองค์ตรัสว่า “นิพพานํ ปรม สุข พระนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง” ซึ่งหมายถึง พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอรหันตเจ้า ที่เข้านิพพานนั่นเองเป็นสุขอย่างยิ่ง” แต่ทั้งนี้อย่าพึงเข้าใจว่า คงเป็นเช่นเดียวกันกับอัตตาของพวกเดียรถีย์ หรืออัตตาของพวกพราหมณ์ ซึ่งตั้งลัทธิตามที่คิดอนุมานเอา สมัยต้นกัปถือว่าเป็นชนชั้นล่าง เป็นนักคิด ไม่ใช่นักเพ่งฌาน (อชฌายิกา) ชอบถือแต่คัมภีร์เที่ยวบอกทางไปพรหมโลก แม้แต่พรหมก็ยังไม่เคยเห็นพรหมที่ตนถือว่าเป็นปรมัตตา (อัตตาที่ใหญ่ยิ่ง)ของพวกตน เมื่อถูกสืบสวนเอาจึงไม่อาจยืนยันรับรองได้ว่าเคยเห็นเคยเข้าถึงหรือมีผู้เข้าถึง ดังที่ตรัสว่า “วาเสฏฐะ - ปาจารย์ แม้คนหนึ่งของพราหมณ์ผู้จบไตรเพท ที่เห็นพรหมมีเป็นพยานอยู่หรือ ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ไม่มีเลย พระเจ้าข้า” หลักการปฏิบัติธรรมเจริญภาวนาวิชชาธรรมกายดังกล่าว จึงเป็นแนวทางในการหาคำตอบได้วิธี หนึ่งของผู้ใคร่ปฏิบัติเพื่อจะไปรู้ไปเห็นเองเท่านั้น เพราะเป็นสันทิฏฐิกธรรมไม่อาจนำมาชี้ให้ดูได้ สำหรับผู้ที่ชอบวิชาการก็อย่ารีบด่วนคัดค้านเสียทันที เพราะสิ่งที่มีอยู่ในตำราก็เป็นเพียงแนวทางหนึ่งเท่านั้น หาได้บอกรายละเอียดทั้งหมดไม่หากใคร่ทราบรายละเอียดที่แท้จริงต้องวางตำราแล้วหันมาปฏิบัติอย่างถูกวิธี ก็จะรู้เห็นเองเพราะสิ่งนี้มีอยู่แล้วในตัวเราทุกคน 3. นิพพานไม่ถูกปรุงแต่ง เพราะเว้นจากลักษณะอันปัจจัยปรุงแต่ง คือ เว้นจากความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา บุคคลที่ไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง คือไม่มีอำนาจ หรือตกอยู่ในอำนาจของคนอื่น ไม่ได้ที่จะทำ อะไรตามความปรารถนาของตนเอง ย่อมไม่มีความสุขฉันใด สภาพธรรมอะไรก็ตามที่เป็นไปในอำนาจของ กระบวนธรรมหรืออาศัยธรรมอื่นจึงเกิดขึ้นได้ สภาพธรรมนั้นย่อมเข้าในลักษณะของอนัตตา คือ ไม่เป็นไป ในอำนาจของตัวเอง แต่เป็นไปในอำนาจของกระบวนธรรมปรุงแต่งขึ้น(ปฏิจจสมุปบาท) แต่สภาพธรรมใด เตวิชชสูตร, ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค, มก. เล่ม 12 ข้อ 369 หน้า 261. ป ร โ ล ก วิ ท ย า DOU 165
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More