ข้อความต้นฉบับในหน้า
“หาริกะ” อยู่ในพระนครราชคฤห์นี้ เมื่อดับชีวิต ขาดใจตายแล้วได้ไปเกิดเป็นสัตว์นรก เสวยทุกข์โทษอยู่
สิ้นกาลนาน ครั้นหมดกรรมพ้นจากขุมนรกแล้ว เศษกรรมชั่วยังมี จึงต้องมาเกิดในเปตติวิสัยภูมิ เป็นเปรต
ศีรษะขาดรูปร่างแปลกประหลาด และถูกแร้ง กา และนกตะกรุมพากันรุมจิกทิ้งอยู่เช่นนั้น
เปรตบรรพชิต
อีกหลายสมัยต่อมา พระมหาโมคคัลลานะ ผู้มีทิพยจักษุ ได้เห็นเปรตซึ่งมีรูปร่างเป็นภิกษุ เปรตมี
รูปร่างเป็นภิกษุณี เปรตมีรูปร่างเป็นสิกขมานา เปรตมีรูปร่างเป็นสามเณร และเปรตมีรูปร่างเป็นสามเณรี
เปรตเหล่านี้ล่องลอยอยู่ในอากาศ บาตรก็ดี จีวรก็ดี ประคตเอวก็ดี ของเปรตเหล่านั้นลุกเป็นเปลวไฟโชติ
ช่วงแผดเผาร่างกายอยู่ตลอดเวลา และเปรตเหล่านั้น ก็ได้แต่ส่งเสียงร้องครวญครางไปมาบนอากาศ เป็น
ที่น่าแปลกประหลาดอัศจรรย์เป็นที่สุด พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเล่าประวัติของเปรตเหล่านั้นว่า
ในชาติก่อน เปรตเหล่านั้น ได้เกิดเป็นมนุษย์มีโอกาสประเสริฐสุด โดยได้บรรพชาอุปสมบทเป็น
พระภิกษุ ภิกษุณี สิกขมานา สามเณร และสามเณรี ในพระพุทธศาสนาของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่
เขาเหล่านั้นประพฤติผิดธรรม ผิดวินัย มีอาจาระอันชั่วช้า ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ เมื่อ
ละโลกแล้ว ได้ไปเกิดเป็นสัตว์นรกอยู่สิ้นกาลช้านาน ครั้นหมดกรรมพ้นจากแดนนรกแล้ว เศษกรรมชั่วยังมี
จึงต้องมาเกิดในเปตติวิสยภูมินี้ เป็นเปรตแสนทุเรศ คือ ทรงเพศเป็นภิกษุ ภิกษุณี สิกขมานา สามเณร และ
สามเณรี ถูกไฟเผาให้ได้รับความเร่าร้อน ส่งเสียงร้องโอดโอย ครวญครางอย่างน่าสมเพชเวทนายิ่งนัก ท่อง
เที่ยวไปมาอยู่ในอากาศเช่นนั้น
บรรดาเปรตทั้งหลาย ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ หากนักศึกษาพิจารณาให้ดีก็จะเห็นว่าเป็นเปรตในลักษณะ
เศษบาปเสียทั้งสิ้น คือ เป็นเปรตประเภทที่ได้ประกอบอกุศลกรรมทำชั่วเมื่อครั้งเป็นมนุษย์ ไปเกิดเป็น
สัตว์นรกในนิรยภูมิ เสวยทุกข์โทษอยู่จนหมดกรรมในแดนนรกแล้ว แต่ว่าเศษแห่งบาปกรรมยังมีอยู่ จึงต้อง
มาเกิดเป็นเปรต มีสภาพต่างๆ กัน ด้วยอำนาจแห่งเศษบาปที่ตนได้กระทำไว้ ฉะนั้นท่านจึงเรียกเปรต
ประเภทนี้ว่า เปรตเศษบาป
2.2.6 เปรตที่รับส่วนบุญได้
ในหัวข้อต่อจากนี้ไป นักศึกษาจะได้ทราบถึงเปรตบางชนิดที่สามารถรับส่วนกุศลได้ ในบรรดา
เปรตทั้งหลายที่ได้กล่าวมาแล้วทั้งสิ้น มี 12 จำพวกบ้าง 4 จำพวกบ้าง 21 จำพวกบ้าง ในจำนวนเปรต
ทั้งหมดนี้ เปรตที่มีโอกาสจะได้รับส่วนบุญจากญาติอุทิศให้ คือ เปรตจำพวกปรทัตตูปชีวิกเปรต และเป็น
เปรตจำพวกเดียวที่รับส่วนบุญได้เท่านั้น ส่วนเปรตอื่นๆ นอกจากนี้ ไม่สามารถจะรับส่วนบุญที่ญาติอุทิศไป
ให้ได้ เพราะเหตุว่าเปรตเหล่านี้อยู่ห่างไกลจากหมู่มนุษย์ แต่สำหรับปรทัตตูปชีวิกเปรตนั้น เป็นเปรตที่เกิด
อยู่ในบริเวณบ้าน เช่น บุคคลบางคนถูกฆ่าตายโดยปัจจุบัน หรือผู้ที่ตายตามธรรมดาก็ตาม แต่มีความ
ห่วงใยอาลัย ก็เกิดเป็นเปรตอยู่ในบริเวณบ้านนั้นเอง และปรากฏตนให้บรรดาญาติหรือบุคคลอื่นๆ เห็นได้
ตามที่ชาวบ้านนิยมพูดกันว่า ผีหรือเปรตเหล่านี้ได้แก่ปรทัตตูปชีวิกเปรต
ถึงแม้ว่าปรทัตตูปชีวิกเปรตจะเป็นเปรตที่เกิดอยู่ในบริเวณบ้านทั้งหลายได้ก็ตาม แต่ถ้าไม่รู้ว่าเขา
แผ่ส่วนบุญให้ก็ไม่สามารถที่จะรับส่วนบุญนั้นได้เหมือนกัน ทั้งนี้เพราะว่า ถ้าไม่รู้แล้วก็ไม่สามารถจะอนุโมทนา
ป ร โ ล ก วิ ท ย า DOU 63