ข้อความต้นฉบับในหน้า
ภาวนา - จิต
อุปมานี้หมายถึงว่าเรื่องอะไรไม่สมควรไปฟัง ก็อย่าไปฟัง ไม่อย่างนั้น
เขาว่าเราไปฟังเอง ฟังแล้วโกรธทำไมเล่า ก็ทำหูเป็นหูกระทะเสียก็
หมดเรื่อง เขาอยากด่า ด่าได้ก็ด่าไป คำด่าถ้าเราไม่ไปรับไว้ ก็คืนเข้า
ตัวเขาเองนั่นแหละ
เคยเตือนหลายๆ คนว่า คนเราถูกด่าแล้ว เอาละพอฝึก
ใจถึงจุดหนึ่งก็เลยไม่โกรธ แต่อย่าเพิ่งคิดว่าเก่งนะ ที่เก่งกว่านั้นยังมี
คือชมแล้วไม่ยิ้ม คนนี้ละเก่งจริงๆ เพราะคนเราทั่วไปพอได้รับคำชมแล้ว
ยิ้มนี่ซิ ลูกถึงได้เต็มบ้านหลานถึงได้เต็มเมือง ไปได้ยินคำชมน้องจ๊ะ
น้องจำ สวยจริงๆ...เลยเลี้ยงลูกกันเป็นพรวน ถ้าชมแล้วยังเฉยเสียได้
ก็สบาย ป่านนี้บวชเป็นแม่ชีไปแล้ว
กายเหมือนผ้าเช็ดเท้า ธรรมดาผ้าเช็ดเท้าเวลาใครเอาเท้า
สกปรกๆ มาเช็ด มันเคยบ่นไหม ไม่เห็นมันบ่นเลย...มีไหมผ้าเช็ดเท้า
บ้านใครบ่นได้บ้าง? ไม่บ่นหรอก อุปมานี้ท่านตั้งใจจะเตือนว่า...คน
เราจะทำงานอะไรก็ทำให้เต็มกำลังลงไป เป็นคนไม่ถือเนื้อถือตัว ไม่
เลือกงานกันแหละ ขอให้งานนั้นเป็นงานอาชีพสุจริตก็ทำเข้าไป
คุณยายอาจารย์อุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ท่านพูดเสมอๆ ว่า
ตั้งแต่เป็นเด็กมาแล้ว ตอนนั้นท่านยังไม่ได้เข้าวัด ถ้ามันถึงคราวจะ
เพราะมันเป็นอาชีพ
ต้องไปรับจ้างเขาเทกระโถนล้างกระโถนก็เอา
บริสุทธิ์ แต่จะให้ไปลักขโมยใครเขา หัวเด็ดตีนขาดยายไม่ยอมทำ จะ
ทำกายอย่างกับผ้าเช็ดเท้า ใครจะโขกจะสับอย่างไรก็ยอมละ เพื่อให้
ได้อาชีพที่สุจริต แต่จะให้ไปโกงไปกินเขา เพื่อจะได้แต่งตัวสวยๆ ไม่
เอาเด็ดขาด
ใจประดุจแผ่นดิน ใจพวกเราส่วนใหญ่ไม่เหมือนแผ่นดิน แต่
เหมือนขี้ผึ้งลนไฟ มันปวกเปียกๆ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เคยตรัสเรื่อง
พระภาวนาวิริยคุณ 40 (เผด็จ ทัตตชีโว)