จากสุขปานกลางสู่บรมสุข ง่าย...แต่..ลึก!!! หน้า 55
หน้าที่ 55 / 272

สรุปเนื้อหา

สุขปานกลางเป็นความสุขในฌานสมาบัติ แต่ยังไม่มั่นคง เนื่องจากมีอุปสรรคคือกิเลสอาสวะ ซึ่งทำให้หลุดจากสภาวะสุขได้บ่อยครั้ง เมื่อถึงบรมสุขหรือนิพพาน จะไม่มีสิ่งใดเหนี่ยวรั้ง ด้วยการหมดจากโลภะ โทสะ โมหะ ดังนั้นการเกิดมาของเราจึงมีจุดมุ่งหมายเพื่อนำไปสู่พระนิพพานที่ถูกต้อง ไม่ให้ถูกปิดบังโดยกิเลสอาสวะ ต้องทำใจให้หยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 เพื่อให้มีนิมิตหมายที่ถูกต้อง และเข้าสู่สภาวะที่เรียกว่า “ดวงธรรม” ที่บริสุทธิ์และเปล่งประกาย.

หัวข้อประเด็น

-สุขปานกลาง
-บรมสุข
-นิพพาน
-กิเลสอาสวะ
-การหยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกาย

ข้อความต้นฉบับในหน้า

สุขปานกลาง คือ สุขในสวรรค์ หรือสุขในฌานสมาบัติ แต่ ก็ยังไม่มั่นคง เพราะมันยังหยุดไม่สนิท ยังมีกิเลสอาสวะเหนี่ยวรั้ง ออกมา เดี๋ยวก็หลุดจากสวรรค์ เดี๋ยวก็หลุดจากฌาน พอหลุดออก มายังไม่มั่นคงก็เจอทุกข์อีกแล้ว ต้องบรมสุข คือ นิพพาน ไม่มีอะไรเหนี่ยวรั้งออกมาแล้ว เพราะหมดจากโลภะ โทสะ โมหะ กิเลสอาสวะมันหมดสิ้นไป ผู้รู้ท่าน ก็จะบอกอย่างนี้แหละ นิพฺพานํ ปรม สุข พระนิพพานเป็นบรมสุข ท่านยืนยันอย่างนั้น เพราะฉะนั้นเราเกิดมาเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง หมายถึง นิพพานมีอยู่แล้ว แต่ถูกกิเลสอาสวะมาบดบังดวงปัญญาของเรา ไม่ให้ไปรู้ไปเห็น หลับตาแล้วมันมืด มืดก็มองไม่เห็น ไม่เห็นก็ไม่รู้ ไม่รู้ก็ไม่เชื่อ มันเป็นอย่างนั้น ดวงปฐมมรรค เพราะฉะนั้นเบื้องต้น เราจึงต้องฝึกให้ใจหยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกาย ฐานที่ ๗ ให้มันถูกต้นทางเสียก่อน โดยจะมีนิมิตหมายเกิดขึ้นมาว่า ถูกแล้ว คือ เวลาใจหยุดนิ่งได้ถูกส่วน มันจะตกศูนย์วูบลงไป เหมือน หล่นลงไปแล้วก็จะมีดวงธรรมลอยขึ้นมาเป็นดวงใส ๆ กลมรอบตัว เหมือนดวงแก้ว ไม่ใช่กลมเป็นวงเวียนเป็นแผ่น ๆ ไม่ใช่ เป็นดวงกลมใสยิ่งกว่าความใสใด ๆ ในโลก ขึ้นอยู่กับใจหยาบหรือ ละเอียด ถ้าหยาบก็เห็นใสเหมือนน้ำ เหมือนกระจกคันฉ่องที่ นฉองทสองเงา หน้าได้ ถ้าดีกว่านั้นก็ใสเหมือนกับเพชร ถ้าละเอียดมากก็ใสเกินใส คือ เกินความใสใด ๆ ในโลก มันจะสุกใส เปล่งประกาย สว่าง ๕๕ | ชีวิตที่ถูกหลอก
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More