ข้อความต้นฉบับในหน้า
ทง ๆ ที่เรามองเหมือนไม่ได้มอง ก็เรายังมองอยู่ แต่มอง
ด้วยสำนึกลึก ๆ มองผ่าน ๆ อย่างนั้น
เพราะฉะนั้นเวลาเราหลับตา อย่ากดลูกนัยน์ตา ถ้าเราไม่ฟัง
ผ่าน หรือฟังจนลืมฟัง คำ ๆ นี้จะมีความหมายมาก คือลูกนัยน์ตา
จะอยู่ที่เดิม อยู่ในระดับที่เหมือนเรามองไปข้างหน้า แต่เราปิด
เปลือกตา แล้วก็ทําความรู้สึกของใจด้วยสำนึกที่ละเอียดอ่อน มอง
เหมือนไม่ได้มอง แต่ว่าไม่ได้มองก็เหมือนมอง
คล้าย ๆ มีละอองดาวเล็ก ๆ หรือเพชรใส ๆ ที่มีคุณค่าอย่าง
มหาศาล มากจนกระทั่งเราไม่กล้าที่จะไปแตะต้อง ไปสัมผัส มันมี
คุณค่ามากเหลือเกิน จนเราไม่สามารถไปแตะต้องได้ถึง จึงได้แต่
มองผ่าน ๆ
ที่เบา
ให้เราทำความสำนึกอย่างละเอียดลึก
ที่แผ่วเบา ถึงเพชร
เม็ดนี้ที่ใส ๆ มีมูลค่ามหาศาล มองผ่าน ๆ โดยลูกนัยน์ตาอยู่ที่เดิม
และทําความรู้สึกเป็นสํานึกอย่างละเอียดที่แผ่วเบาวางไว้ตรงกลาง
เพชรที่ใส ๆ แค่แตะแผ่ว ๆ มองผ่าน ๆ ด้วยสำนึกละเอียดลึก ๆ
ๆ สบาย ๆ คล้ายดวงดาวในอากาศ ที่เป็นธุลีประดุจละออง
ของดาวพวยพุ่งมาที่ศูนย์กลางกายเป็นประกายระยิบระยับ นั่งมอง
อย่างนี้ แล้วถ้าจะภาวนาก็ภาวนาโดยไม่ต้องใช้กำลัง ถ้าใช้กำลังเขา
เรียกว่าท่อง ภาวนาเป็นเสียง สัมมา อะระหัง ที่ละเอียดอ่อน คล้าย
เสียงเพลงที่เราชอบ หรือบทสวดมนต์ที่เราท่องคล่องปากขึ้นใจ
ดังขึ้นมาในใจ ถ้าเราจะใช้ต้องใช้แบบนี้ ใช้ให้เป็น อย่างนี้ถึงจะถูก
หลักวิชชา
๑๖๙ | มองผ่าน ๆ