ข้อความต้นฉบับในหน้า
นึกอย่างสบายที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ พร้อมกับประคองใจ
ของเราด้วยบริกรรมภาวนา สัมมา อะระหัง เรื่อยไปเลย คือให้นิมิต
นี้เป็นเหมือนกับหลักของใจ ที่ผูกใจซึ่งซัดส่ายไปในเรื่องราวต่าง ๆ
ให้มันหยุดนิ่ง ๆ ถ้าเราไม่เผลอจากบริกรรมทั้งสองใจก็จะหยุดนิ่งได้
ใจเรามันเหมือนม้าพยศ ม้าพยศไม่ค่อยจะอยู่ในอานาจ
ของเรา มันก็จะแถก ๆ ไถ ๆ ไปตามอารมณ์ของมัน ใจก็เหมือนกัน
เราอยากจะให้นิ่ง ๆ แต่มันก็จะคิดเรื่องโน้น เรื่องนี้ เรื่องคนบ้าง สัตว์
บ้าง สิ่งของ ธุรกิจการงาน บ้านช่อง สิ่งที่ผ่านมาแล้วในอดีตบ้าง
สิ่งที่ยังมาไม่ถึงในอนาคตบ้างเหมือนม้าพยศ
ๆ
เพราะฉะนั้นเราต้องจับมาผูกเอาไว้กับหลัก เหมือนเราเอาเชือก
คล้องคอม้าแล้วผูกเอาไว้กับหลัก ใหม่ ๆ มันก็ดิ้นรนอยากจะหลุด
จากหลัก วิ่งไปทางเหนือบ้าง ใต้บ้าง ตะวันออก ตะวันตก วิ่งไปจน
สุดสายเชือก แต่มันก็ไม่หลุดจากหลัก วิ่งไปวิ่งมาในที่สุดมันก็หมด
แรง หมดพยศ ก็จะหมอบอยู่กับที่ไม่ไปไหน
การนึกถึงนิมิตดวงใส ๆ หรือองค์พระใส ๆ หรือวัสดุอะไรที่เรา
คุ้นเคยก็ตาม นั่นก็คือหลักของใจ คำภาวนาเหมือนเชือกที่จะประคอง
ใจเอาไว้ให้มาอยู่กับหลัก ใหม่ ๆ มันก็แวบไปคิดเรื่องโน้นเรื่องนี้ เรา
ก็นึกถึงดวงใส ๆ องค์พระใส ๆ หรืออะไรก็ได้ที่ใส ๆ แล้วก็ภาวนา
สัมมา อะระหัง เรื่อยไป จะกี่สิบ กี่ร้อยกี่พัน กี่หมื่น กี่แสนครั้งก็ได้
มันก็จะมีสักครั้งหนึ่งที่ใจมันหยุดนิ่ง
เวลาใจหยุดนิ่ง มันจะทิ้งคำภาวนาไปเอง มีอาการคล้าย ๆ
กับว่าเราลืมคำภาวนา แต่ใจไม่ฟุ้ง หรือเกิดความรู้สึกว่า อยากอยู่
!!! O