ข้อความต้นฉบับในหน้า
122 ธรรมาธาร วาสารวิชชาการทางพระพุทธศาสนา ฉบับที่ 1 ปี 2559
ขณะทีมีพระชนมายเพียง 59 พรรษา ซึ่งถือว่าเป็นวัยที่อายุสั้นเกินไปในสมัยนั้น กอปร กับเวลาีพระนางได้รับตำแหน่งอดีตทศ คะ อยู่ในช่วงที่พระพุทธเจ้าทรงปรากฏอยู่ทั่ว พระเศวตวัน ซึ่งน่าจะเป็นหลังปีที่ 14 ของพุทธรัฐ์ เพราะฉะนั้นพระนางปชาดิไค ดเสด็จเข้าพิพากษานหลังปี 14 ของพุทธรัฐ์ และเมื่อพระนางปชาบดีโคดมีไม่ได้ เข้ นิพพานปีที่ 12 กบชิกฤษณ์นี้ไม่จำเป็นที่จะก่อนปีที่ 12 หลังพุทธรัฐ์
นอกจากนี้มีความเป็นไปได้น้อยในกรณีของกานิขิฏฐิ ว่า มียืนหลังจาก ที่พระพุทธเจ้าทรงดรัสรู้ได้ 5 ปี เพราะพระอานนท์ในขณะนั้นเพิ่งบวชได้ไม่นาน หากพระ อานนท์บวชเมื่อปีที่ 2 หลังพุทธรัฐ์ ซึ่งในขณะนั้นยังไม่ได้เป็นพุทธองค์ูรุกประ จำ และมีอายุบวชได้เพียง 3 พรรษา แต่ก็กาลที่ทูลขอพระพุทธเจ้าเรืองการขอขบชิกฏิฐิ ถึงแม้จะนับตามอาจเป็นไปได้ว่า พระอานนท์ก็ถือว่านเป็นพระประญาติด หรือเป็น พุทธอุปฐกฎทีไม่ประจำ พระอานนท์จึงกล้าพูลขอเทนพระนางปชาดิไคโคดมี
ความเป็นไปได้ที่กาเขินกิฏฐิ พระชาดิที่ 21-26 หลังพุทธรัฐ์
นักวิจัยชาวปุจิเตมส่วนใหญ่นำหนักกับบทบาทของพระอานนท์ในเรื่องนี้และ คิดว่า กราที่พระอานนท์ทูลขอพระพุทธเจ้าเรื่องการขอบชิกฏิฐิในตอนนั้น พระ อานนท์อาจเปนพุทธปุรุกประจำแล้ว จึงมีความเห็นว่า การกำเนิดกิฏฐินี้ควร จะเกิดหลังจากปีที่ 20 คืออยู่ในช่วงปีที่ 21-26 หลังพุทธรัฐ์
นอกจากนี้ จากเหตุการณ์ที่พระเจ้าพิมพิสารได้กราบทูลขอให้มีการสวดปฏิ- โมกษ จากปีจำพรรษาในสถานที่วัดดวฑ์วู่ ผู้เขียนสนับสนว่าเป็นปีที่ 17 และ 20 หลังพุทธรัฐ์ หรือในช่วงปี 12-37 หลังพุทธรัฐ์ ที่พระองค์จะทรงจาริกไปวัด เววันที่อกรณนอกพรรษา
ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถพิจารณาได้จากปีแห่งงานพิธานของพระเจ้าสุทโธนะ เพราะว่าหากพระนางปชาดิไคมีอยู่ในฐานะพระชายา เป็นผู้หญิงที่รัีกภักดีต่อ