ข้อความต้นฉบับในหน้า
ครุธรรมข้อที่ 6 เกี่ยวกับการบารชในสม 2 ฝ่าย และการเป็นสิกขมาน นั้นได้วิเคราะห์หญิงรูปแบบและขั้นตอนการบารชอุปสมบท ซึ่งการบารชในสม 2 ฝ่ายนั้นเริ่มใช้หลังจากการมีฤดูนี้ชุดแรก โดยในสมัยแรกอาจอาจเป็นไปได้ที่บารชในสม 2 ฝ่ายในเวลาเดียวกัน แต่ภายหลังให้แยกเพราะความแก่เขินของผู้ขอบบารชในกาตอบคำถามขณะบารช และต่อมาภายหลังเพื่อรับรองการบารช พระพุทธเจ้าจึงทรงอนุญาติกฤษฎีกฎที่มีพรษา 12 ขึ้นไปเป็นพระอุปชามัย เพราะว่าการบารชลิตที่ไม่ลดละ118 ส่วนการเป็นสิกขมาน 2 ปี ก่อนอุปสมบทเป็นฤดูนี้มีความเป็นไปได้ที่จะการกำหนดสิกขมานมีมาก่อน ส่วนจำนวนปีอาจจะเป็นภายหลัง หรือมตั้งแต่แรก แตกกิฏฐียุนี้ดูแลการบารชไม่เท่ากันหรือบาๆจึงเป็นเหตุให้เกิดฤดูนี้ตั้งครรภ์ หรือฤดูนี้แม่ลูกอ่อน
ครุธรรมข้อที่ 7 ที่กล่าวถึงการไม่จำริประกิจ ข้อนิฐบูติจากการเปรยบเทียบถึงจำนวนสิกขบเกี่ยวกับฤริกิจของกิฤณีเปรียบเทียบของฤกษ จะเห็นว่าฤกษนี้ได้ประกฏว่าผิดพลาดในเรื่องของวาจา ค่อนข้างมาก ดังนั้น การบูติครุธรรมข้ออื่นจึงเป็นการบูติให้แก่เหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้นอแต่เป็นบริอรอชนีบางประการของฤกษนี้ เพราะสิกขบณะห้ามฤกษฎา บริรานั้นมีอยู่แล้ว และในพระวินัยไม่มีเหตุการณ์ที่กฤฎำฤกษฎา และหากมองกฤฎาในฐานะเป็นครู หรื อเป็นผู้ดูแลในฐานะเพศชายในยามคับขันนั้น การไม่ด่าบริกิจฤฎา ถือเป็นการให้เกียรติ ซึ่งน่ามาซึ่งสัมพันธฌมิที่ดีต่อกันระหว่างฤกษและฤกษฎา