ข้อความต้นฉบับในหน้า
ครูธรรม 8 เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าเสนอมาตามบัญญัติหรือไม่ (2) 167
และกิเลสีต่างฝ่ายต่างสอนกันเอง หลักเกลี้ยงการกระทำกิจกรรมร่วมกัน แต่มญาต
ให้ญาณไปสอนฝึกกิเลสีได้ เนื่องจากข้อกำหนดของครูธรรมในข้อที่ต้องให้กิเลสีไปให้
โอวาทกิเลสีในวันอุโบสถ และด้วยเหตุผลว่ากิเลสีเป็นผู้บำเพ็ญก่อนเป็นผู้มีประสบการณ์
และกิเลสีเองในสมัยพุทธกาล ก็มีอาจจะติดตามพระพุทธเจ้าก็ได้ทุกหนทุกแห่ง การ
ศึกษาพระวินัยจึงต้องอาศัยกิเลสี นอกจากข้อบัญญัติข้อมีให้ห้ามกิเลสีทําทุกง หรือ
"เตือนสติ" กิเลสี ซึ่งไม่ใช่"การส่งสอน" กิเลสีซึ่งแม้แต่บูชาก็อบุศล อุปลิกา ผู้มีความปรารถนาดีต่อพระศาสนาก็สามารถทำได้ เฉกเช่นที่ปรากฏในเหตุแห่งการบัญญัติพระวินัยบาง
ช่อ ซึ่งคำพูดที่เป็นคำสอนๆ เป็นคำสุภาพและเติมไปด้วยการให้เกียรติ หรือหากิเลสีอยาก
สอนกิเลสี หรือแบ่งปันข้อมูลการใช้ชีวิตนักบวชจริง ๆ บางทีการสอนอาจไม่จำเป็นต้อง
พูด การฝึกตนด้วยการกระทำให้เป็นตัวอย่างต้นแบบ ก็เป็นวิธีการสอน อีกแนวหนึ่งที่ดี
ยิ่งกว่าคำพูดได้ ๆ
สรุป
จากเนื้อความในคัมภีร์จุลวรรค กิเลสีขั้นดก ที่กล่าวว่าพระนางปชาบดีโคตม ได้ความสุขอพอ ขอพระพุทธเจ้าทรงอนุญาตกจาราให้ การกลูครับ การทำอธิษฐานิกรรม สามกิจกรรม แก่กิเลสีและกิเลสีตามลำดับผู้เป็นพระพุทธเจ้าไม่ทรงอนุญาตตรงจุดนี้เอง เป็นการชี้ว่ามีการบัญญัติครูธรรมข้อณก่อนที่จะลูขอพระพุทธเจ้าและ
การยืนยันจากพระพุทธเจ้าที่ไม่ทรงอนุญาตให้การกระทำไว้ตามอายุพระชั้นนั้น ก็
เป็นการยืนยันว่า ครุธรรมข้อ 1 นี้พระพุทธเจ้าเป็นผู้บัญญัติและเป็นความประสงค์
ของพระพุทธเจ้า117
ครูธรรมข้อที่ 2 ที่กิเลสีไม่พึงจำพรรคในที่ไม่มีภิกษุดู มีได้เป็นไปเพื่อให้