ข้อความต้นฉบับในหน้า
บทที่ 7
กรณีศึกษาการเวียนว่ายตายเกิดของสัตวโลก
ความน่า
จากเนื้อหาในบทเรียนที่เราได้ศึกษามาในวิชาจักรวาลวิทยานี้ ทำให้เราทราบเรื่องราวความ
เป็นจริงต่างๆ เป็นอันมาก ซึ่งบางเรื่องหรืออาจจะหลายเรื่องที่เราไม่เคยทราบมาก่อน และบางครั้งอาจจะ
คิดว่ามีอย่างนี้ด้วยหรือ ทั้งนี้เป็นเพราะว่าเราคุ้นเคยกับความรู้ที่เราเคยศึกษาหรือได้รับการปลูกฝัง
ถ่ายทอดกันมาในสมัยที่เราเคยเรียนหนังสือ ตั้งแต่อนุบาลจนกระทั่งจบมหาวิทยาลัยในระดับต่างๆ ทั้งใน
ประเทศและจากต่างประเทศ หรือบางท่านอาจจะเคยรับรู้จากตำราวิทยาศาสตร์ ที่มีการนำเสนอวิทยาการ
ใหม่ๆ ออกมาไม่ขาดสาย
แต่ความรู้ทั้งหลายที่เราเคยรับรู้มา ไม่ว่าจะจากการที่ได้ศึกษามาในสถาบันการศึกษา หรือว่า
จากความสนใจใฝ่รู้เป็นการส่วนตัวก็ตาม สิ่งที่เรารับรู้รับทราบมานั้นเป็นเพียงขอบเขตที่จำกัด หรือไม่
ตรงเสียทีเดียว เมื่อนำมาเทียบกับความรู้ที่เราได้รับจากการศึกษาในวิชาจักรวาลวิทยานี้
สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ความรู้ต่างๆ ที่เราได้รับรู้รับทราบ หรือเคยศึกษามานั้น เป็น
ความรู้ที่ได้จากการตั้งข้อสันนิษฐานและทำการทดลองด้วยหลักเกณฑ์ต่างๆ ของผู้ที่มีความสนใจใคร่รู้ใน
สรรพสิ่งทั้งหลาย ที่เรียกกันว่า นักวิทยาศาสตร์ แต่เราก็ต้องยอมรับความจริงว่า แม้จะมีการพิสูจน์โดย
กระบวนการทดลองต่างๆ แล้ว นั่นเป็นเพียงการคาดคะเน หรืออนุมานเอาจากปัจจัยและองค์ประกอบต่างๆ
ที่เกิดขึ้น ยังไม่ใช่ความรู้ที่สมบูรณ์ ซึ่งเราจะสังเกตได้จากการที่มีนักวิทยาศาสตร์รุ่นหลังๆ ค้นคว้าทฤษฎีใหม่ๆ
ขึ้นมาหักล้างทฤษฎีต่างๆ ที่นักวิทยาศาสตร์รุ่นก่อนๆ เคยตั้งและพิสูจน์ไว้
แต่ความรู้ที่เราได้ศึกษาในวิชาจักรวาลวิทยานี้ เป็นความรู้ที่เกิดจากการรู้แจ้งเห็นจริงในสรรพสิ่ง
ทั้งหลาย รวมทั้งปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เนื่องจากพระพุทธองค์ทรงรู้แจ้ง
เห็นจริงในสรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวง จึงทำให้ความรู้ของพระองค์เป็นความรู้ที่ถูกต้อง สมบูรณ์และไม่
สามารถหักล้างได้ ทั้งนี้เป็นเพราะว่าความรู้ของพระองค์ไม่ได้เกิดจากการตั้งข้อสมมติฐานแล้วอนุมานตาม
ความเห็นของพระองค์ แต่ความรู้ของพระองค์เกิดจากการเห็นด้วยญาณทัสสนะ เห็นด้วยอานุภาพของ
พุทธจักขุที่สามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ประดุจสิ่งนั้นๆ วางอยู่บนฝ่าพระหัตถ์ จึงทำให้การเห็นความเป็นไป
ของสรรพสิ่งเป็นไปอย่างถูกต้องและชัดเจนตามความเป็นจริง
ความรู้นี้ไม่ได้เป็นสิ่งแปลกใหม่แต่อย่างใด เป็นแต่เพียงสิ่งที่เกิดขึ้นตามปกติของมันเท่านั้นเอง
พระพุทธองค์ทรงเป็นผู้พบเห็นด้วยอำนาจพุทธจักขุ และทรงประกาศให้โลกรู้มานานกว่า 2,500 ปีแล้ว
ซึ่งก็ได้มีการบันทึกการค้นพบนี้ไว้ในตำราทางพระพุทธศาสนา ที่รู้จักกันในนามว่า พระไตรปิฎก
| ท
136 DOU บ ท ที่ 7 ก ร ณี ศึ ก ษ า ก า ร เ วี ย น ว่ า ย ต า ย เ กิ ด ข อ ง สั ต ว โ ล ก