ข้อความต้นฉบับในหน้า
ก็ต้องมีการขับของเสียออกมา จึงปรากฏเพศหญิงและชายตามอำนาจแห่งวิบากกรรมในอดีต จากนั้น
เข้าสู่ยุคของการตั้งบ้านเรือน การประกอบอาชีพ และการปกครอง ธาตุที่เคยบริสุทธิ์ก็เปลี่ยนแปลงไปด้วย
อำนาจแห่งอกุศลกรรมของมนุษย์
บทนี้ทำให้เราเห็นลำดับขั้นตอนของการเกิดสรรพสัตว์สรรพสิ่ง ด้วยอำนาจแห่งอกุศลกรรม เรา
ควรจะทำความเข้าใจในเรื่องเหล่านี้ เพื่อจะได้เกิดความสลด เบื่อหน่าย และเร่งกำจัดกิเลสที่ ครอบงำจิตใจ
ของเรา ด้วยการสั่งสมความดีให้ยิ่งขึ้นไป จะได้หมดกิเลสไปสู่ฝั่งแห่งพระนิพพานตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
บทที่ 5 เราศึกษาเรื่องของการเสื่อมถอยของมนุษย์อันเนื่องมาจากศีลธรรม เมื่อจักรวาล โลก
ตั้งอยู่ มีมนุษย์ และสรรพสัตว์สรรพสิ่งทั้งหลายเกิดขึ้น เมื่อเกิดขึ้น ความเสื่อมก็เกิดขึ้นมาตามลำดับ
มนุษย์แต่เดิมมีอายุยืนยาวเป็นอสงไขยปี อายุมนุษย์ก็เริ่มเสื่อมถอยลงเรื่อย แต่การเสื่อมถอยนั้นจะใช้
ระยะเวลาที่ยาวนาน ด้วยอำนาจแห่งการกระทำของมนุษย์เอง ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นการกระทำชั่ว ทั้งทางกาย
ทางวาจา และทางใจ ทำให้ธาตุในตัวมนุษย์ไม่บริสุทธิ์ ส่งผลให้สิ่งแวดล้อมไม่บริสุทธิ์ เมื่อสิ่งแวดล้อมไม่บริสุทธิ์
จึงส่งผลให้อายุมนุษย์ลดลง สิ่งแวดล้อมก็เสื่อมลงจนกระทั่งถึงที่สุด จนกระทั่งยุคมิคสัญญี คือ ยุคที่เกิด
การฆ่าทำลายล้างกันอย่างรุนแรง กระทั่งมีบุคคลกลุ่มหนึ่งหลบหนีไปและตั้งใจประกอบกุศลกรรม
ทำให้ธาตุในตัวบริสุทธิ์ขึ้น สิ่งแวดล้อมต่างๆ กลับสมบูรณ์ขึ้นมา จนกระทั่งอายุของมนุษย์เจริญขึ้นอีก เป็น
วงจรอย่างนี้ยาวนานนับเป็นล้านๆ ปี นับหน่วยเวลาไม่ได้ เรื่องนี้ทำให้เราทราบเหตุแห่งความเสื่อมถอย
ของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม วนเวียนซ้ำซาก และตราบใดที่มนุษย์ไม่สั่งสมความดีอย่างต่อเนื่อง ก็จะกลับ
มาตกต่ำอยู่ร่ำไป
บทที่ 6 เราศึกษาเรื่องขบวนการแตกทำลายของโลก ซึ่งมีสิ่งที่ทำลายอยู่ 3 สิ่งด้วยกัน คือ
ทำลายด้วยไฟ ด้วยน้ำ ด้วยลม เหตุแห่งการทำลายก็คงไม่พ้นกิเลสภายในตัวของมนุษย์ ที่กระทำอกุศลกรรม
จนถึงที่สุด ทำให้สิ่งแวดล้อม ธาตุหยาบทั้งหลายไม่สมดุล เกิดวิปริต จนทำให้ธาตุตัวใดตัวหนึ่งกำเริบและ
มีอานุภาพในการทำลายสรรพสัตว์และสรรพสิ่งทั้งหลาย ที่ล้วนประกอบจากธาตุ ย่อมมีวันแตกทำลาย ไม่ว่า
วัตถุนั้นจะมีขนาดใหญ่เพียงใด ก็จักต้องถูกทำลายหมด แม้จักรวาลของเราก็ต้องถูกทำลาย มีเพียง
การสั่งสมความดีเท่านั้นที่จะทำให้พ้นจากการถูกทำลายนี้ได้
บทที่ 7 เราศึกษาตัวอย่างของการเวียนว่ายตายเกิดของมนุษย์จากกรณีศึกษาในโรงเรียน
อนุบาลฝันในฝันวิทยา ซึ่งตัดตอนมาบางส่วนเพื่อให้เห็นภาพการเวียนว่ายตายเกิดในภพภูมิต่างๆ โดยมี
มนุสสภูมิเป็นศูนย์กลางในการสร้างความดีและความชั่ว เมื่อละโลกแล้วก็ย่อมไปเกิดในภพภูมิต่างๆในจักรวาล
ตามอำนาจแห่งกุศลและอกุศลกรรมที่ทำไว้ ทำให้เราทราบว่า เมื่อเราตายแล้วไม่ได้สูญหายไปไหน ตราบใดที่
ยังไม่หมดกิเลสเข้าพระนิพพาน ตราบนั้นก็จะต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพภูมิในจักรวาล ซึ่งมีนับไม่ถ้วน
โดยที่แต่ละจักรวาล ก็มีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และเสื่อมสลายไปในที่สุดเช่นกัน เมื่อเราทราบอย่างนี้จะได้เร่ง
สร้างความดีให้ยิ่งขึ้นไป เพื่อดับกิเลสในใจ ไปสู่ฝั่งแห่งพระนิพพานให้ได้
170 DOU บ ท ที่ 8 ส รุ ป ส า ร ะ สำ คั ญ จ า ก ก า ร ศึ ก ษ า จั ก ร ว า ล วิทยา