ข้อความต้นฉบับในหน้า
อกุศลกรรมที่กระทำทางใจเรียกว่า มโนกรรม มี 3 ประการ ประกอบด้วย
1. อภิชฌา
ความคิดเพ่งเล็งอยากได้ทรัพย์ของผู้อื่น
2. พยาบาท ความคิดที่จะทำร้ายผู้อื่น
3. มิจฉาทิฏฐิ ความเห็นผิดจากทำนองคลองธรรม
ซึ่งการเป็นผู้มีมิจฉาทิฏฐิ หรือมีความเห็นผิดไปจากทำนองคลองธรรมนั้น มีอยู่ด้วยกัน
10 ประการ โดยผู้ที่เป็นมิจฉาทิฏฐิจะมีความคิดเห็นดังต่อไปนี้ คือ
1. ทานที่ให้ไม่มีผล
2. ยัญที่บูชาแล้วไม่มีผล
3. การเซ่นสรวงไม่มีผล
4. ผลของกรรมดีและกรรมชั่วไม่มี
5. โลกนี้ไม่มี
6. โลกหน้าไม่มี
7. มารดาไม่มี
8. บิดาไม่มี
9. สัตว์ที่เกิดแบบโอปปาติกะไม่มี
10. ในโลกนี้ไม่มีสมณพราหมณ์ผู้ประพฤติดีปฏิบัติชอบ จนรู้แจ้งด้วยความรู้ยิ่งเองแล้วประกาศ
โลกนี้โลกหน้า
การที่มนุษย์มีมิจฉาทิฏฐินี้เอง ซึ่งถือว่าเป็นการปิดประตูกันกุศลธรรมทั้งปวง จึงทำให้มนุษย์
กระทำในสิ่งที่เลวร้ายลงไปยิ่งขึ้น ได้แก่ มีความกำหนัดในฐานะอันไม่ชอบธรรม ความโลภไม่เลือก
ความกำหนัดด้วยอำนาจความพอใจผิดธรรมดา การไม่ปฏิบัติชอบในมารดา บิดา ในสมณพราหมณ์ การ
ไม่อ่อนน้อม ต่อผู้ใหญ่ในตระกูล ตลอดจนการไม่มีจิตคิดยำเกรงในบุคคลผู้เป็นบุพการีและท่านผู้มีพระคุณ
ทั้งหลาย จนกระทั่งเกิดการสมสู่กันไม่เลือกว่าเป็นใคร และเข่นฆ่ากันไม่เลือกหน้าดังที่กล่าวมาแล้ว
ทั้งนี้เป็นเพราะว่า มิจฉาทิฏฐิ ซึ่งมี 10 ประการดังกล่าวนั้น ย่อมทำให้มนุษย์ไม่รู้ ไม่เข้าใจ ตลอด
จนไม่เชื่อเรื่องการทำความดี การแบ่งปันช่วยเหลือกัน การให้ผลของบุญและบาป โลกนี้โลกหน้า ชีวิตหลัง
ความตาย ผู้มีพระคุณ ผู้มีความบริสุทธิ์ ฯลฯ เมื่อไม่เชื่อในสิ่งเหล่านี้ จึงไม่กลัวผลที่จะได้รับตามมา จึง
ทำอะไรด้วยอำนาจของกิเลส คือ ทำสิ่งต่างๆ ด้วยความโลภ ความโกรธ และความหลง โดยที่ไม่มีการ
ไตร่ตรองพิจารณาให้ถี่ถ้วน ทั้งนี้เป็นเพราะปัญญาได้ถูกความเป็นมิจฉาทิฏฐิบดบังจนหมดสิ้นแล้ว การ
กระทำต่างๆ จึงทำด้วยอำนาจของตัณหา ของความอยาก เมื่อเป็นดังนี้มนุษย์และสรรพสิ่งจึงเสื่อมลงในที่สุด
ความเสื่อ
112 DOU บ ท ที่ 5 ค ว า ม เ สื่ อ ม ข อ ง จั ก ร ว า ล