ข้อความต้นฉบับในหน้า
นั้นก็ตายแล้ว หรือไม่ต้องถึงกับมีตึกแถวอยู่ในวัด แค่วัดแบ่งเขตเอา
ไว้ให้ญาติโยมเช่าปลูกบ้าน นั่นก็ตายแล้ว พอๆ กับมีตึกแถวในวัด
เพราะนานๆ เข้า เขาเข้ามาอยู่จนแน่นวัด นอกจากวัดหาสถานที่สงบ
เพื่อปฏิบัติธรรมไม่ได้แล้ว วันดีคืนดี ถ้ามีคนไม่พอใจพระ แล้วไป
ปลุกระดมคนแถวนั้นเกิดไม่พอใจพระขึ้นมา เขาพากันยกมือโหวตเสียง
ไล่พระออกจากวัดได้ง่ายๆ ทั้งๆ ที่วัดก็เป็นวัดของเราแท้ๆ ก็โดน
กันมาหลายวัดแล้ว แต่ถ้าเขาจะมาปลูกบ้านแถวข้างวัด ก็เอาเชิญเลย
เป็นเรื่องของเขา แต่ภายในวัดเราปลูกต้นไม้ให้ร่มรื่น
เสน่ห์ของวัดอยู่ที่
ความร่มรื่นของ
ต้นไม้ ถ้าวัดไหน
ตัดต้นไม้ ให้วัด
แห้งแล้ง ก็เป็นการ
ฆ่าตัวเองเสียแล้ว
ทําไมหลวงพ่อถึงได้ให้ข้อคิดเรื่องนี้?
เพราะว่าเมื่อตอนมาเริ่มสร้างวัดปี พ.ศ.
๒๕๑๓ เรามีทุนอยู่แค่ ๓,๒๐๐ บาท
เท่านั้นเอง ไม่ได้มีมากมายอะไร บริเวณ
แถวนี้มันก็เป็นท้องนายังไม่ค่อยมีใครย้าย
มาอยู่ สิ่งก่อสร้างรอบบริเวณวัดก็ยังไม่มีมาก
เหมือนปัจจุบัน เงินก้อนนั้นก็ใช้ไปกับการ
เริ่มขุดคูคลองรอบวัดให้เห็นเป็นขอบเขต
ขึ้นมา พอขุดเสร็จแล้ว ก็ไปขอกล้าไม้มาจากกรมป่าไม้เอามาปลูกบน
คันคู ต้นไม้ก็มีทั้งรอดบ้างตายบ้าง ก็เพียรปลูก เพียรดูแลกันไป
ในปีแรกนั้น เจ้าอาวาส (หลวงพ่อธัมมชโย) ก็ยังบวชไม่ได้
พรรษาดี พอเข้าสู่ปีที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๑๔) หลวงพ่อก็บวช บวชแล้ว
ก็มาดูแลต้นไม้กันต่อ รดน้ำพรวนดินอย่างไม่ยอมลดละกัน พอเข้าปี
ที่ ๓ ต้นไม้เริ่มให้ร่มเงา หลวงพ่อก็เพิ่งบวชได้พรรษาเดียว เทศน์ก็
ไม่เป็น เพิ่งจะหัดเทศน์ แต่ว่าประชาชนก็เริ่มมา แล้วที่เขามา ไม่ใช่
เพราะมาฟังเทศน์ เขาไม่มีบริเวณที่ร่มๆ จะไป เขาก็มาอาศัยนั่งร่ม
ไม้ในวัดเรา กลายเป็นว่ามาวัดเพื่อมาอาศัยความร่มรื่น เหมือนกับที่
V
ข้อคิดจากการวางผัง