ข้อความต้นฉบับในหน้า
៥៨
ในการศึกษานั้น ความจริงตำราดีๆ มีอีกเยอะเลย ถ้าเราได้
ขวนขวายหาสักหน่อย นอกจากตำรับตำราแล้ว เขาก็ยังมีม้วนเทป
สำหรับสอนนักธรรมตรี โท เอก อย่างที่วัดมหาธาตุฯ ก็มี
นอกจากเราให้การศึกษาภาคปริยัติแล้ว ภาคปฏิบัติก็ต้อง
ให้การศึกษาด้วย แล้วเราจะไปเอาหลักสูตรมาจากไหน ที่เรามองข้าม
ไม่ได้ คือ กรรมฐานที่พระอุปัชฌาย์ให้ในวันบวชว่า เกสา (ผม)
โลมา (ขน) นขา (เล็บ) ทันตา (ฟัน) ตโจ (หนัง) ใครท่องเข้าไปก็
รักษาใจไม่ให้กามกำเริบ เป้าหมายของการบวชคือหวังจะไปนิพพาน
กรรมฐานเบื้องต้นก็ทําให้ไปนิพพานได้ เพราะฉะนั้น เรียนปริยัติแล้ว
ต้องลงมือปฏิบัติสมาธิเจริญภาวนา
สมัยพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำยังมีชีวิต ในวันพระ
หลวงพ่อท่านเคยให้พระเณรลองทำกรรมฐานเบื้องต้น คือแทนที่จะ
นึกองค์พระเป็นนิมิต นึกดวงแก้วเป็นนิมิต แล้วก็ภาวนาสัมมา อะระหัง
นั้น วันนี้ไม่ต้องเพราะเพิ่งปลงผมมาใหม่ๆ ท่านให้นึกถึงผมกระจุก
นั้นที่เราปลงมาเป็นนิมิตฝึกสมาธิ ท่านให้เอาผมกระจุกนั้นตั้งไว้
ศูนย์กลางกายบริเวณกลางท้อง แล้วภาวนาว่า เกสา เกสา เกสา เรื่อยไป
ทำติดต่อกันไปไม่เกินเจ็ดวัน เดี๋ยวก็สว่างโพลงภายใน
ในเรื่องให้การศึกษานั้น เราต้องทำ ไม่ว่าจะเป็นพระบวชใหม่
สามเณร หรือแม้กระทั่งเด็กวัด พอตกเย็นก็รวมกันทั้งวัด สวดมนต์
ทำวัตรเย็น เสร็จแล้วก็มานั่งสมาธิทำภาวนากันไป ถ้าไม่รู้จะเอาอะไร
ก็ใช้กรรมฐานเบื้องต้นของพระอุปัชฌาย์ของเราว่า เกสา โลมา นขา
ทันตา ตโจ หรือจะ สัมมา อะระหัง หรือจะ พุทโธ ก็ได้ วันละ
๑๐-๑๕ นาที ก็ทำไปเถอะ แล้วเด็กพวกนี้จะไม่เกเรหรอก วัน
ข้างหน้าก็จะเป็นกำาลังสําคัญของวัดต่อไป
ในเรื่องการเทศน์สอนนี้ มีข้อสังเกตที่ไม่ควรมองข้ามอยู่ข้อ
บุคคลเป็นที่สบาย
บ