ข้อความต้นฉบับในหน้า
๒๐
เขาไปสวนลุมฯ พอก่อนจะกลับบ้าน เขาก็ฟังเทศน์เป็นของแถมอีกหน่อย
แล้วก็ทําบุญอีกหน่อย
ในปีแรกๆ ประชาชนมาวัดเพราะความร่มรื่น ลูกหลานที่มา
ด้วยก็มาอาศัยพื้นที่วิ่งเล่น นิสิตนักศึกษาก็มาอาศัยความร่มรื่นนั่งดู
หนังสือเตรียมสอบ
พอเวลาผ่านไปนานเข้า หลวงพ่อก็เริ่ม
ถ้าวัดไหนยังไม่ได้ปลูก คุ้นกับการเทศน์ เพราะซ้อมเทศน์ตั้งแต่
ก็ขอให้ปลูกเกิด
คนฟังสิบคน ยี่สิบคนจนชำนาญ พอผ่าน
ไปอีกพรรษาหนึ่ง เราก็เทศน์คล่องขึ้น
แล้วการปลูกก็ควรจะ
ความน่าฟังก็คงจะเพิ่มขึ้น คราวนี้จากที่
เลือกต้นไม้ที่ใบเป็นมัน
ประชาชนเคยมาวัดเพื่อหาความร่มรื่นเป็น
ไม่ผลัดใบฮวบฮาบ
หลัก ฟังเทศน์เป็นของแถม ก็กลายเป็น
ว่ามาวัดเพื่อฟังเทศน์เป็นหลัก ส่วนความ
ร่มรื่นเป็นของแถม แต่ลูกหลานของเขาที่มาก็ยังอุตส่าห์เอาความร่มรื่น
เป็นหลัก ฟังเทศน์เป็นของแถมอยู่ดี หลวงพ่อก็ค่อยๆ อาศัยความ
ร่มรื่นสร้างวัดกันขึ้นมาอย่างนี้
เพราะฉะนั้น ต้นไม้เป็นเสน่ห์ของวัด ถ้าวัดไหนยังไม่ได้ปลูก
ก็ขอให้ปลูกเถิด แล้วการปลูกก็ควรจะเลือกต้นไม้ที่ใบเป็นมัน ไม่
ผลัดใบฮวบฮาบ ถ้าใบไม่เป็นมันไม่ค่อยสวย เพราะดูแล้วร่มของ
มันไม่ค่อยน่าเข้าร่ม นอกจากนี้ถ้าเป็นพวกไม้ผลจะไม่ค่อยดี เช่น มะม่วง
เพราะเดี๋ยวพระจะต้องมัวไปคอยทะเลาะกับเด็กขว้างมะม่วง เสีย
เวลาปฏิบัติธรรม ถ้าเราตั้งใจปฏิบัติตามธรรมวินัย ญาติโยมก็เอามา
ให้เราฉันเองแหละ
พระกับต้นไม้เป็นของทิ้งกันไม่ได้ มีข้อสังเกตว่า พระสัมมา
สัมพุทธเจ้าของเราเป็นศาสดาที่ผูกพันกับป่ามากที่สุด คือเมื่อประสูติ
อาวาสเป็นทิสบาย