ข้อความต้นฉบับในหน้า
๗๔
ข้อคิดเรื่องการแปลบทสวดมนต์ให้ญาติโยมนำไปใช้งานได้
ในฐานะของการเป็นพระภิกษุ แม้ว่าเราจะบวชแล้วไม่ได้เรียน
บาลีก็ตาม เราต้องท่องบทสวดมนต์เจ็ดตำนานหรือสิบสองตำนานให้ได้
ขณะเดียวกันญาติโยมที่เขาใฝ่ธรรมะเขาก็สวดได้ ท้าอย่างไรเราจะ
ให้การสวดมนต์ของเราเป็นประโยชน์ สามารถเอามาใช้งานได้ เราก็มี
ขึ้นต้นว่า
วิธีง่ายๆ อย่างนี้คือ เมื่อพระเราที่อยู่วัดเดียวกันได้รับนิมนต์ไปเจริญ
พุทธมนต์ที่ไหนก็ตาม ถ้าพระสวดมนต์ไปเจ็ดบทจบแล้ว ก็ช่วยขยาย
ความให้โยมชื่นใจสักสองบท โยมจะได้ประโยชน์ในการนำไปปฏิบัติต่อไป
ยกตัวอย่าง ถ้าไม่รู้จะเอาบทไหน ก็เอาบทชัยมงคลคาถา
พาหุงฯ ซึ่งว่าด้วยวิธีเอาชนะแบบไม่ก่อเวรของพระสัมมาสัม
พุทธเจ้า ตั้งแต่ชนะพญามาร ชนะช้างนาฬาคิรี เป็นต้น อธิบายเป็น
ฉากๆ เรื่อยไปจนกระทั่งจบแปดบท แล้วก็จบการขยายความด้วย
บทให้พรที่ว่า สัพพะพุทธานุภาเวนะ สัพพะธัมมานุภาเวนะ สัพพะ
สังฆานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เต. โยมฟังพระสวดมนต์แล้ว
ยังได้ฟังพระแปลขยายความ รับความรู้เอาไปใช้ในเชิงปฏิบัติด้วย
เวลาไปร่วมงานศพ หลวงพ่อก็ได้ข้อคิดมาเหมือนกัน คือพอ
เวลามีงานศพ ก็มักจะกลายเป็นงานสำหรับ
ถ้าพระสวดมนต์ไป ตั้งวงเหล้า ตั้งวงคุยกันเสียมาก พระจะสวด
เจ็ดบทจบแล้ว ก็ ก็สวดไป ข้าไม่รู้เรื่อง ข้าจะคุยของข้า ดูสิว่า
ใครจะแน่กว่ากัน ผลสุดท้าย พระก็ไม่รู้ว่าที่
สวดนั้นแปลว่าอะไร โยมก็ไม่รู้เพราะมัวแต่
ช่วยขยายความให้
โยมชื่นใจสักสองบท
กินเหล้าอยู่ มัวแต่นั่งคุยกัน บางทีก็มีนั่งเล่นไพ่หน้าศพ ถ้าเป็นอย่าง
นี้ถึงแม้จะมีญาติโยมไปงานมาก มีพระไปสวดกันเป็นร้อย ให้พระ
สวดจนคอแห้ง ก็จะไม่มีใครมีใจเป็นบุญเป็นกุศลเลย
ธรรมะเป็นที่สบาย