ข้อความต้นฉบับในหน้า
ธรรมดวงนั้นดับไปกายมนุษย์ละเอียดก็หมดที่พึ่ง กายทิพย์
กายทิพย์ละเอียด กายรูปพรหม กายรูปพรหมละเอียด และ
ต่อๆ ขึ้นไป ต่างก็มีตัวของตัวเป็นเกาะเป็นที่พึ่ง แล้วก็มีดวง
ธรรมเป็นเกาะเป็นที่พึ่งดุจเดียวกันโดยลำดับไป ตั้งแต่กาย
มนุษย์ถึงกายอรูปพรหมละเอียดรวม ๔ กายนี้ อยู่ในกามภพ
รูปภพ และอรูปภพ เวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จักจบจักสิ้น แต่
เขาก็มีที่พึ่งที่เกาะของเขาอย่างนั้นทั้งนั้น แต่ว่าพึ่งโดยสมมติ
ชั่วครั้งคราวหนึ่งไม่จริงจังนัก เรียกว่าโลกีย์ ยังยักเยื้องแปร
ผันอยู่ เอาจริงเอาจังไม่ได้ ที่จะเอาจริงเอาจังได้ต้อง เข้าให้
ถึงกายธรรม แต่กายธรรมต่างๆ อีก ๑๐ กายนั้นต่างก็ต้องมี
ตัวของตัวเป็นที่พึ่งที่เกาะ และต่างก็ต้องมีดวงธรรมของตน
เป็นที่เกาะที่อาศัยด้วยกันทั้งสิ้น ขาดเสียไม่ได้ จะพึ่งสิ่งอื่นๆ
นั้นไม่ได้ เลอะเหลวทีเดียว จะมัวบนบานศาลกล่าวพึ่งจ้าวพึ่ง
ผีละเลอะเทอะ เพราะพวกหวังพึ่งเหล่านั้นไม่ได้ยินได้ฟัง
ธรรมของสัตบุรุษ ไม่ได้ศึกษาในธรรมของสัตบุรุษ ความคิด
เห็นจึงพิรุธไปเสียแล้ว ไม่ได้ยินได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้า
ไม่ได้ฝึกฝนในธรรมของพระพุทธเจ้า ความเห็นจึงเลอะเลือน
ไปเช่นนั้น ถ้าไม่เลอะเลือนจะต้องมี ๒ อย่างนี้เท่านั้นคือมี
กายกับธรรม เท่านั้น เพราะฉะนั้นจะต้องเรียนให้รู้จักกายตัว
เสียก่อนว่ากายสมมตินี่แหละเป็นตัวโดยสมมติ ๔ กายที่อยู่
ในภพนั้นแหละเรียกว่า อตฺตสมมติ เรียกว่าตัวโดยสมมติทั้ง
១៦២