จิตและศาสตร์ทางจิตในพระพุทธศาสนา พระมงคลเทพมุนี มหาปูชนียาจารย์ หน้า 164
หน้าที่ 164 / 170

สรุปเนื้อหา

เนื้อหานี้พูดถึงการศึกษาและการฝึกฝนทางจิตในพระพุทธศาสนา โดยยกตัวอย่างนักฟิสิกส์ดาราศาสตร์สุพรห์ยาม จันทรเศกขา ซึ่งใช้เวลาหลายปีในการพัฒนาทฤษฎีเกี่ยวกับโครงสร้างของกาแล็กซี่ และความสำคัญของการค้นคว้าเกี่ยวกับปรากฏการณ์ทางจิต ผลกระทบที่เกิดจากการไม่เข้าใจในสิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ การต่อสู้ทางความคิดและการค้นคว้าหาความจริงในเชิงวิทยาศาสตร์ และการเชื่อมโยงแนวคิดของพระพุทธศาสนากับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องฤทธิ์ วิชชา หรืออภิญญา ที่มีการสอนมาอย่างยาวนาน

หัวข้อประเด็น

-ความสำคัญของจิตในพระพุทธศาสนา
-การศึกษาแนวทางวิทยาศาสตร์
-ฤทธิ์และอภิญญาในพุทธศาสนา
-การค้นคว้าของสุพรห์ยาม จันทรเศกขา
-การเชื่อมโยงพุทธศาสนากับการวิจัยด้านดาราศาสตร์

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ศาสตร์แต่ยังไม่ได้ศึกษาหรือฝึกฝนการปฏิบัติทาง “จิต” ซึ่งเป็น สิ่งสำคัญยิ่งในพระพุทธศาสนา ในขณะที่นักวิทยาศาสตร์ผู้ มีชื่อเสียงก้องโลกกำาลังซึ่งเกี่ยวกับปรากฏการณ์ทางจิต ซึ่ง เป็นสิ่งที่ตนเองรู้น้อยเต็มที่ แต่สิ่งเหล่านั้น (รวมทั้งเรื่องฤทธิ์ วิชชา อภิญญา) เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ตรัสรู้และทรงสั่งสอนมานานกว่า ๒,๕๐๐ ปีแล้ว “ดังที่เคยกล่าวถึงนักฟิสิกส์ดาราศาสตร์และนักคณิต- นอก ศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยชิคาโก สุพรห์ยาม จันทรเศกขา (Subrahayam Chandrasekha) ได้นั่งๆ นอนอยู่เป็นเดือน เป็นปีเพื่อคิดหารูปแบบที่สมบูรณ์ทางเรขาคณิตของกาแล็กซี่ หรือสสารที่เป็นเทหวัตถุทางดาราศาสตร์รูปแบบอื่น เหนือไปจากรูปโครงสร้างทางเรขาคณิตที่สมบูรณ์ห้ารูป (the five perfect structures) ที่คิดขึ้นมาโดยไพธากอรัสกับพลา โตตั้งแต่กว่าสองพันปีมาแล้ว นักดาราศาสตร์และนักคณิต- ศาสตร์ต่างพากันหัวเราะ หรือไม่ก็เตือนจันทรเศกขาให้หยุด คิดได้แล้วเพราะไม่มีประโยชน์อะไรเลย เพราะกาแล็กซี่ทั้ง หมดหรือสสารที่เป็นเทหวัตถุที่รู้ล้วนมีรูปแบบหรือโครงสร้าง อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่างซ้อนกันของรูปแบบทาง เรขาคณิตที่สมบูรณ์ทั้งห้าอย่างที่ว่านั้น แต่สุพรห์ยามก็ไม่ยอม เลิกความคิด ในที่สุดเขาก็ซึมซับรูปแบบที่ตลกขึ้นมาได้รูปแบบ หนึ่งเป็นรูปวงที่บิดเบี้ยว (ellipsocid) มีลักษณะคล้ายกับส้ม ๑๖๔
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More