ข้อความต้นฉบับในหน้า
พระรัตนตรัย ทำไมต้องไหว้ เราไม่เช่น เราไม่ไหว้” พอเรือ
ผ่านศาลเจ้าท่านรู้สึกจุกขึ้นมาทันที แต่ท่านก็อดทนไม่ยอม
แพ้ หลวงพ่อท่านว่า “มันของของเราแท้ๆ นี่ เรื่องอะไรจะ
ต้องเอาไปเซ่นไปไหว้ ทำแล้วก็ไม่ได้บุญ บีบได้บีบไปจุกได้จุก
ไปเดี๋ยวมันก็หายจุก” ครั้งนั้นท่านมีความคิดว่าสักวันหนึ่งถ้า
ท่านเข้าถึงพระรัตนตรัย ท่านจะกลับไปที่ศาลนั้น ทั้งๆ ที่
ตอนนั้นท่านยังไม่รู้ว่าพระรัตนตรัยอยู่ตรงไหน หลักธรรมใน
พระพุทธศาสนาเป็นเช่นใด แต่จิตใต้สำนึกของท่านก็กระตุ้น
เตือนให้นึกถึงสิ่งเหล่านี้
หลวงพ่อท่านเป็นผู้มีเมตตาจิตมาตั้งแต่เด็ก เห็นได้จาก
การที่ท่านคอยระวังไม่ใช้วัวไถนาจนเลยเวลาเพล เพราะท่าน
ถือคติโบราณที่ว่า ไถนาจน “เพลคาบ่าวัว” เป็นบาปมาก
เพราะเป็นช่วงที่แดดเริ่มร้อนมากขึ้น และวัวซึ่งลากไถมาตั้ง
แต่เช้าตรู่ก็เหนื่อยมากแล้ว ดังนั้นเมื่อถึงเวลาเพลท่านจะนำ
วัวไปอาบนํ้าให้เย็นสบายแล้วจึงปล่อยให้ไปกินหญ้า ช่วง
เวลาเช่นนี้ท่านรู้สึกสบายใจ และมักจะร้องเพลงไปด้วย แต่
เนื้อหาของเพลงนั้นมักจะวนเวียนเกี่ยวกับพระนิพพานดังนี้
“เกิดมาว่าจะมาหาแก้ว พบแล้วไม่กำจะเกิดมาทำอะไร
อ้ายที่อยากมันก็หลอกอ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วง
เป็นใย เลิกอยากลาหยอกรีบออกจากกาม เดินตามขันธ์สาม
๑๔