ข้อความต้นฉบับในหน้า
คนดีต้องเห็นโทษของอบายมุข
•
พุทธวิธีในการบ่มอินทรีย์ให้แก่ศิษย์
โดยเหตุที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีพระสัพพัญญุตญาณ
รู้แจ้งแทงตลอดในขันธสันดานของมนุษยชาติทั้งหลายว่า บางคนมี
อินทรีย์ยังอ่อน บางคนปานกลาง และบางคนแก่กล้า ทรงเห็นว่า
สิงคาลกะยังมีอินทรีย์อ่อนอยู่ เมื่อจะทรงสอนให้เขาเป็นคนดี
พระองค์จึงทรงปลูกศรัทธาเป็นเบื้องต้น โดยแสดงอริยวินัยว่า
อริยสาวกนั้นจะไม่ก่อกรรมกิเลส ๔ ประการ ไม่ทำชั่วทำบาปด้วย
ความลำเอียง ๔ ประการ อีกทั้งไม่ผลาญทรัพย์ของตนเองด้วย
อบายมุข 5 ประการ แล้วทรงสรุปว่า การที่พระอริยสาวกเป็นผู้
ปราศจากบาปกรรม ๑๔ ประการนี้เอง ท่านจึงเป็นผู้ปิดป้องทิศทั้ง
5 ไว้ได้ มีชีวิตอยู่ในโลกนี้ก็เป็นสุข เมื่อละโลกไปแล้วก็ไปสวรรค์
พระธรรมเทศนานี้ย่อมมีนัยว่า คนดีทั้งหลายแทนที่เขาจะ ได้
ไหว้ทิศกันหรือกราบคารวะธรรมชาติกันดังเช่นที่สิงคาลกะกระทำ
เขากลับทำอย่างอื่น คือละเว้นบาปกรรม ๑๔ ประการ แล้วก็
ประสบความสุขความเจริญ ไม่ประสบปัญหาเดือดร้อนดังที่ชาย
หนุ่มประสบอยู่ ครั้นเมื่อตายไปก็ไม่ต้องตกนรก ได้ไปสู่สวรรค์
แม้ปัญญาจะยังหย่อนอยู่ อาจจะยังไม่เข้าใจพระพุทธโอวาท
ได้ลึกซึ้งนัก แต่ชายหนุ่มก็พอจะตรองได้บ้างแล้วว่า วิธีการของ
เขาน่าจะไม่ถูกต้องและไม่สามารถแก้ปัญหาได้สำเร็จ แต่พระพุทธ
โอวาท น่าจะแก้ปัญหาได้สำเร็จ เพราะเป็นอริยวินัยที่อริยสาวก
ปฏิบัติกัน อีกทั้งพระพุทธองค์ก็ทรงยืนยันถึงประสิทธิผลของ
อริยวินัยไว้แล้ว สิงคาลกะย่อมจะเกิดความคิดเลื่อมใสศรัทธาและ
ความเคารพในพระพุทธองค์อย่างแน่นอน
.
•
ວຕ