คนดีต้องเห็นโทษของอบายมุข คัมภีร์กู้วิกฤตชาติ หน้า 84
หน้าที่ 84 / 263

สรุปเนื้อหา

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนเกี่ยวกับการละเว้นอบายมุข 5 และชี้ให้เห็นว่าความดีความชั่วไม่สามารถวัดจากฐานะทางการเงินได้ คนที่สามารถจัดการรายรับรายจ่ายได้ดีมีแนวโน้มที่จะมีชีวิตที่ดีและมีความสุข แต่อย่าลืมว่าไม่ใช่ทุกคนที่ร่ำรวยจะเป็นคนดีเสมอไป ความดีนั้นต้องมาจากความเข้าใจธรรมะและการพัฒนาตนเองในทุกด้าน ตามหลักคำสอนของพระพุทธองค์

หัวข้อประเด็น

-อบายมุข 5
-การจัดการเงิน
-ศีลธรรมและความดี
-ความยากจนและความดี
-การเข้าใจธรรมะ

ข้อความต้นฉบับในหน้า

คนดีต้องเห็นโทษของอบายมุข • ๗๕ สรุป เป็นที่น่าสังเกตว่า พระสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง อริย วินัย ที่ต้องประพฤติปฏิบัติให้สมบูรณ์ครบถ้วนถึง ๓ หมวด คือ การละเว้นกรรมกิเลส ๔ อคติ ๔ และอบายมุข 5 แต่เหตุไฉน พระพุทธองค์จึงทรงอธิบายขยายความและชี้โทษเป็นพิเศษเพียง หมวดเดียว คือ อบายมุข 5 หากจะพิจารณาไตร่ตรองให้รอบคอบ น่าจะพอสันนิษฐาน ได้ว่า พระพุทธองค์ทรงเห็นว่า อบายมุข 5 เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้อง กับฐานะการเงินหรือเศรษฐกิจ ผู้ที่สามารถบริหารจัดการเรื่อง รายรับรายจ่ายของตนได้เรียบร้อย ไม่มีปัญหา ย่อมอยู่ดีมีสุขตาม อัตภาพ คนที่อิ่มปากอิ่มท้องแล้วย่อมจะรับฟังธรรมะได้ง่าย แต่ทั้งนี้ ก็มิได้หมายความว่า คนที่อิ่มปากอิ่มท้องแล้วจะเป็นคนดีเสมอไป เพราะถ้าคนที่อิ่มปากอิ่มท้องแล้วต้องเป็นคนดี เศรษฐีก็คงเป็น คนดีกันทุกคน แต่ความจริงที่ปรากฏคือ มีเศรษฐีจํานวนมากเป็น คนเลว พัวพันเกี่ยวข้องอยู่กับเรื่องผิดศีลธรรม ผิดกฎหมาย สำหรับคนจนนั้น ขอเพียงแต่ไม่อดอยากยากไร้เหลือทน เขาก็เป็น คนดีได้ ดังนั้นความดีความชั่วของคนจึงไม่สามารถวัดกันที่ความ รวยหรือความจน อย่างไรก็ตาม คนที่ฟังธรรมได้เข้าใจ สามารถ นำธรรมะไปพัฒนาทั้งร่างกายและจิตใจให้ก้าวหน้าได้มากกว่าคนอื่นๆ คือ คนที่ไม่มีปัญหาเรื่องปากท้อง
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More