ข้อความต้นฉบับในหน้า
ทันทีที่เข้ามาถึงวัด ผมได้รับการอบรมเป็นเจ้าหน้าที่ใหม่ เริ่มจากการปรับตัว ต้องรักษาศีล 8 กินข้าว 2 มื้อ นอนในมุ้งลดหลังเล็กๆ ต้องรู้จักใช้ข้าวของที่มีจำกัดอย่างประหยัดและให้เกิดคุณค่า มีเสื้อผ้าให้ปีละ 2 ชุด จากเมื่อก่อนที่เคยทำงานหาเงิน ได้เงินแล้วจึงเอามาทำบุญ ตอนนี้ผมกำลังลัดขั้นตอนและย่ำระยะเวลา โดยทำงานให้เป็นบุญเลยในคราวเดียวกัน
เมื่อเข้ามาอยู่ในวัด บรรยากาศในวัดสงบเงียบเหมือนตอนอยู่ในเรือ แน่นอนว่าตลอดที่วัดยอมไม่สะดวกสบายเหมือนอยู่ที่บ้าน แต่ความอดทนที่ผมได้จากการออกทะเล ก็ช่วยในการอยู่วัดของผมได้เป็นอย่างดี ผมอยู่อบรมเจ้าหน้าที่ใหม่เป็นเวลาปีครึ่ง จากนั้นได้รับมอบหมายให้มาประจำในหน่วยงานที่เรียกว่า ‘อุปฐูลา’
...............................
ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่า วันหนึ่งชีวิตของผมจะได้มาเป็นอุปัฏฐากพระหรือคนที่อาสาดูแลรับใช้พระภิกษุสงฆ์อย่างที่เราเรียกกัน แล้วทำไมพระต้องมีคนรับใช้ด้วย พอเริ่มเข้ามาอยู่จริงๆ ผมถึงเริ่มรู้ว่า จริงอยู่--พระไม่มีรับใช้ก็ได้ แต่เด็กเป็นพระหนุ่มที่ไม่มีฉันณมุติ ไม่มีภารกิจงานพระพุทธศาสนาอะไรที่ต้องดูแลมากนัก แต่การเป็นพระในองค์กรมใหญ่ขนาดนี้ ต้องดูแลปกครองพระภิกษุสงฆ์และสามเณรเป็นพ่วงๆ รูป รองรับสารฑูรณ์เรือนแสนอย่างนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีอุปัฏฐากเข้ามาช่วย แม้ในบริษัทที่มีประธานบริษัทดูแลลูกน้องแต่ไม่คึก เขาจะต้องมีเลขาไว้คอยช่วยเหลือ ยิ่งการเป็นพระมีข้อจำกัดครึ่งมากมายด้วยแล้ว จะทำงานอะไรก็ลำบาก บางทีดูไม่งาม ไม่เหมาะสม ต้องมีคนทำแทน จะเดินทางไปปิดจมินต์ ท่านจะขับรถเองก็ไม่ได้ อุปัฏฐากจึงสำคัญที่จะเข้ามาช่วยตรงนี้