การเป็นภรรยาและสามีที่ดีในชีวิตครอบครัว ครอบครัวอบอุ่น หน้า 23
หน้าที่ 23 / 198

สรุปเนื้อหา

บทความนี้กล่าวถึงความสำคัญของบทบาทภรรยาและสามีที่ดีต่อการสร้างความสุขในชีวิตครอบครัว พร้อมทั้งเน้นการมี 'เฒ่าแก่' ที่เป็นที่ปรึกษาเพื่อช่วยแนะนำแนวทางในการดำเนินชีวิตคู่ โดยเสนอหลักธรรมความอดทน ('ขันติ') และการควบคุมอารมณ์ ('จาคะ') เพื่อยกระดับศีลธรรมและการอยู่ร่วมกันในครอบครัวให้ยั่งยืน.

หัวข้อประเด็น

- บทบาทของภรรยาและสามี
- ความสำคัญของการมีเฒ่าแก่
- การใช้ธรรมะในชีวิตคู่
- ศีลธรรมในการอยู่ร่วมกัน
- การควบคุมอารมณ์ในครอบครัว

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ภรรยาที่ดี การทำหน้าที่ลูกเขย-ลูกสะใภ้ที่ดี การทำหน้าที่พ่อแม่ต่อลูกที่ ดี การทำหน้าที่ญาติที่พึงปฏิบัติต่อญาติพี่น้องของทั้งสองฝ่ายให้ดี การ ทําหน้าที่ในด้านการงานอาชีพที่ดี และอีกสารพัดหน้าที่ที่ต้องมีจากการ เข้าสังคม ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ต้องมี “เฒ่าแก่” คอยแนะนำชี้แจงทิศทางให้ถูก ต้อง ชีวิตครอบครัวจึงจะสงบสุขและอยู่ร่วมกันไปได้ตลอดรอดฝั่ง ดังนั้น การครองเรือนครองรัก ไม่สามารถขาด “เฒ่าแก่” คือ ผู้ใหญ่ ทีมีคุณธรรมสูง ดอยเป็นที่ปรึกษาแนะนำ และขัดเกลานิสัยใจคอของทั้ง สองสามีภรรยาได้ ขาดเมื่อไหร่การประคับประคองครอบครัวจะผิดทิศ ผิดทางเมื่อนั้น ธรรมะที่ทำให้จิตใจจาม หลังจากที่เราผ่านการทําความเข้าใจในองค์ประกอบทั้งสามข้อแรก ไปแล้ว ชีวิตคู่ก็ก้าวมาถึงจุดที่ต้องยกระดับศีลธรรมในจิตใจให้สูงขึ้น และหนักแน่นมั่นคง เพราะหากสามีภรรยาขาดหลักศีลธรรมในการอยู่ ร่วมกันแล้ว ย่อมไม่สามารถทำให้ความรักที่มีต่อกันยั่งยืนยาวนานต่อ ไปได้ เพราะหัวใจของครอบครัว ก็อยู่ที่ศีลธรรมที่เป็นหลักประจำใจของ สองสามีภรรยานั่นเอง เมื่อตอนก่อนแต่งงาน ก็เป็นช่วงที่เราฝึกตนเองให้เป็นคนที่พึ่ง ตนเองได้ ปู่ย่าตาทวดได้นำเอาฆราวาสธรรมเป็นบทฝึกให้แก่เรา ครั้น เมื่อแต่งงานมีครอบครัวแล้ว ก็ยังต้องฝึกฆราวาสธรรมให้สูงส่งยิ่งขึ้นไป คุณธรรมในข้อฆราวาสธรรมที่ใช้บ่อยที่สุดและมีผลต่อการประดับ ประคองชีวิตคู่อย่างมากที่สุด ก็คือ “ขันติ” และ “จาคะ” แต่ “ขันติ” ในเที่ยวหลังจากแต่งงานไปแล้วนี้ ก็เป็นการยกระดับ ขันติที่เน้นหนักไปในเรื่องของความอดทนต่อการกระทบกระทั่ง พูดง่ายๆ คือ ต้องทนข้อเสียของคนอื่นให้ได้ เพราะสถานการณ์ที่ไปอยู่ร่วมกันหลัง แต่งงานนั้น มีหน้าที่และการงานที่ต้องรับผิดชอบต่อคู่ครองและการ สงเคราะห์ญาติพี่น้องข้างเคียงอีกมากที่ต้องดูแล ซึ่งต้องอดทนกับสาร พัดคนที่อยู่ในตระกูลของทั้งสองฝ่ายให้ได้ การอดทนตรงนี้ถูกบังคับว่า ต้องยกระดับความอดทนให้สูงขึ้นมามากกว่าก่อนหลายเท่านัก ถึงจะ ประคับประคองตนเองและครอบครัวให้ผ่านไปได้ ส่วน “จาคะ” ก็เช่นกัน หลังจากแต่งงานไปแล้ว ก็เป็นการยกระดับ จาคะให้แก่กล้ายิ่งขึ้น โดยที่เน้นหนักไปในเรื่อง ความสละอารมณ์บูดเน่า ออกจากใจ ซึ่งก็คือการทำใจให้สงบ พูดง่ายๆ คือ ต้องขยันนั่งสมาธิ เพื่อ กำจัดความขุ่นข้องหมองมัวที่เกิดจากการกระทบกระทั่งในครอบครัว ออกไปให้หมดสิ้น เพราะถึงแม้เราจะไม่ชอบบางคนในครอบครัวของอีก ฝ่ายหนึ่งนั้น แต่เราก็ต้องอยู่ร่วมกันให้ได้ อย่าปล่อยปละละเลยให้กลาย เป็นการผูกโกรธกัน ต้องสลัดอารมณ์ทิ้งไป อย่าปล่อยไว้ข้ามชั่วโมง เดี๋ยวจะกลายเป็นการลงมือลงไม้ ก่อเวร จองเวรกันไม่จบไม่สิ้น จาคะในระดับของการกำจัดอารมณ์ที่เน่าบูดภายในจิตใจนี้มีศัพท์ ทางพระพุทธศาสนาเรียกอีกอย่างว่า โสรัจจะ แปลว่า ชำระใจให้สงบเสงี่ยม ดังนั้น เมื่อเจาะจงลงไปในเรื่องของการขัดเกลาจิตใจโดยตรง ปู่ย่า ตาทวดของเราจึงมักยกเอาเฉพาะ “ขันติ” กับ “โสรัจจะ" มาเป็นคู่ธรรมะ สําหรับขัดเกลาจิตใจให้งาม เป็นการย่อความเรื่องฆราวาสธรรม ลงมา เฉพาะในส่วนของการควบคุมจิตใจ คนเรานั้น เมื่อตนต้องอดทนแล้ว ก็ต้องพยายามทำใจให้สงบด้วย ความอดทนนั้นมีอาการในลักษณะเหมือนภูเขาไฟอัดอั้นไว้ข้างใน แม้ทน แทบไม่ไหว แต่ก็ต้องทนให้ได้ ส่วนโสรัจจะเป็นการดับความครุกรุ่นพร้อมระเบิดของภูเขาไฟ ภายในให้เย็นลง ด้วยการหาอุบายต่างๆ ที่จะมาสงบใจ ซึ่งไม่มีอุบายใด mo ค
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More