คุณค่าของบุคคลประเภทปูชนียบุคคลในครอบครัว ครอบครัวอบอุ่น หน้า 161
หน้าที่ 161 / 198

สรุปเนื้อหา

บทความนี้พูดถึงคุณค่าของผู้สูงอายุในฐานะปูชนียบุคคลซึ่งสร้างความสุขให้ครอบครัว ผ่านการตักบาตร, รักษาศีล, นั่งสมาธิ, และการอบรมศีลธรรมให้กับลูกหลาน สิ่งเหล่านี้ช่วยสืบสานคุณธรรมและสร้างสรรค์ครอบครัวให้มั่นคงด้วยการมอบทรัพย์สมบัติที่เหมาะสมก่อนถึงช่วงเวลาสิ้นสุดชีวิต เรียนรู้จากประสบการณ์และการใช้ชีวิตอย่างมีสติถือเป็นตัวอย่างที่ดี

หัวข้อประเด็น

-ปูชนียบุคคล
-ความสำคัญของผู้สูงอายุ
-วิธีการอบรมลูกหลาน
-การมอบทรัพย์สินมรดก
-การปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน

ข้อความต้นฉบับในหน้า

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเรียก บุคคลประเภทนี้ว่า ปูชนียบุคคล ของลูกหลาน คือเป็นที่น่าเคารพน่ากราบไหว้ คนแก่ประเภทนี้มีอยู่ใน ครอบครัวใด ครอบครัวนั้นก็จะเป็นสุขเสมือนมี “พระอยู่ในบ้าน” คนแก่ประเภทนี้ ท่านถือหลักในการดำเนินชีวิตง่ายๆ คือ ๑. พยายามตักบาตร คือท่านท้าบุญให้ทานมาตลอด ตักบาตร เป็นประจำทุกเช้า เป็นการสะสมเสบียงข้ามภพข้ามชาติไป เบื้องหน้า ๒. พยายามรักษาศีล ๕ อย่างเคร่งครัดทุกวัน โดยเฉพาะอย่าง ยิ่งท่านจะระวังศีลข้อ ๔ ของท่านอย่างที่สุด คือไม่พูดเท็จ ทั้งไม่รู้จี้ขี้บ่น ทั้งทำตนเป็นคนอยู่ง่ายกินง่าย วันโกน วันพระ ก็พยายามรักษาอุโบสถศีล ๓. พยายามหาเวลานั่งสมาธิให้มากที่สุด ท่านตั้งใจนั่งทั้งเช้ามืด กลางวัน และก่อนนอนตอนกลางคืน เพื่อทำใจให้ผ่องใส ท่านประพฤติตนเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกหลานดู ยามว่างก็อบรมศีล ธรรมให้เด็กเล็กในบ้าน เล่านิทานบ้าง เล่าประสบการณ์ชีวิตที่เป็น ประโยชน์บ้าง เพื่อเป็นอุทาหรณ์เตือนใจให้ลูกหลานตั้งตนอยู่ในศีลธรรม ท่านจะไม่ยอมเข้าไปก้าวก่ายในเรื่องเขย เรื่องสะใภ้เป็นอันขาด เพราะถือว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว จะต้องรู้จักแบกรับเรื่องต่างๆ ในครอบครัว และแก้ปัญหาด้วยตนเองเป็น โดยที่ไม่มีท่านเข้าไปเกี่ยวข้อง หรือคอย เข้าไปเป็นคนกลางคอยไกล่เกลี่ยทุกเรื่องไป ในที่สุดแล้ว จะได้เป็นเสา หลักต้นต่อไปของครอบครัวมาทดแทนท่านได้สําเร็จ ทรัพย์สมบัติใดที่มีอยู่ก็เริ่มมอบให้เป็นภาระของบุตรหลานดูแล รักษาต่อไป เพราะถือว่าเวลาของท่านเหลือน้อยแล้ว ต้องวางมือจาก ภาระในการดูแลมรดกตกทอดของบรรพบุรุษ และมอบให้เป็นภาระ หน้าที่ของลูกๆ ต่อไป ส่วนทรัพย์สมบัติที่งอกเงยมาจากความพากเพียร ของท่าน ในส่วนที่ต้องเก็บไว้เป็นเงินค่าจัดงานศพและทำบุญก้อนสุดท้าย ท่านก็จะแบ่งเอาไว้ต่างหากเรียบร้อยแล้ว ไม่ปล่อยให้ลูกหลานเป็นภาระ เรื่องค่าเงินค่าทําศพของท่าน ส่วนที่เหลือจากนี้ ท่านก็มอบเป็นต้นทุน ในการดูแลครอบครัวของลูกหลานต่อไป ท่านแบ่งทรัพย์สินมรดกไว้ เรียบร้อย พร้อมทั้งเตรียมตัวตายอยู่ตลอดเวลา หากวันใดต้องลาโลกนี้ ไป ท่านก็ถือว่าได้ทำหน้าที่ปูชนียบุคคลของบ้านสมบูรณ์แบบแล้ว ท่านผู้อ่านที่เคารพ ท่านคงเห็นแล้วว่า ผู้สูงอายุในประเภทที่ ๒ นี้ จะไม่มีทางเหงาหงอยในบั้นปลายชีวิต เพราะลูกหลานอยากใกล้ชิด อยากเข้าใกล้ เนื่องจากยิ่งเข้าใกล้ ก็จะได้ทั้งความรู้ ความดี ความทันโลก ทันชีวิต และความเย็นกายเย็นใจเป็นปกติ ดังนั้น เมื่อเรามองเห็น อนาคตผู้เฒ่าของตัวเองแล้ว เราก็ควรเตรียมตัวแก่ก่อนแก่ คือ เตรียม ตัวเป็นพระในบ้านตั้งแต่วันนี้กันเถิด mobl V monl
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More