ข้อความต้นฉบับในหน้า
แม่เป็นคนเชื่อเรื่องบุญกรรม ท่านจึงขยันตักบาตรทุกเช้า ส่วนพ่อไม่เคย
แวะมาดูแลดิฉันเลย แม้ดิฉันจะรู้ว่า พ่อย้ายไปอยู่ที่ไหน แต่ก็ไม่เคยไป
หาพ่อเลย ได้เพียงแค่โทรศัพท์คุยกันเป็นครั้งเป็นคราวเท่านั้น
“ตอนนี้ พ่อล้มป่วยหนัก ต้องเข้าโรงพยาบาลอย่างกะทันหันตอน
กลางดึก ดิฉันจึงไปเยี่ยมพ่อ หมอบอกว่า พ่อป่วยเป็นโรคมะเร็ง อีกไม่
กี่เดือน ก็คงจะจากโลกนี้ไปแล้ว ท่านเป็นคนไม่เชื่อเรื่องบุญเรื่องบาป
ดิฉันจะช่วยพ่ออย่างไรดีคะ ถ้าหากลูกๆ ทำบุญให้ในขณะที่ท่านมีชีวิตอยู่
ท่านจะได้รับไหมคะ เผื่อว่าจะทุเลาอาการทรมานได้บ้าง ?”
หลวงพ่อท่านอธิบายให้เขาฟังว่า
"ในการดูแลผู้ป่วยใกล้ตาย ไม่ว่าจะป่วยด้วยโรคอะไรก็ตาม ก่อน
อื่นคุณต้องทำความเข้าใจก่อนว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดของคนเราก่อนตายก็คือ
ใจต้องไม่มีเรื่องเศร้าหมอง ถ้าเศร้าหมองเมื่อไหร่ มีทุคติหรืออบายเป็น
ที่ไป
เรื่องนี้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเป็นพุทธพจน์เอาไว้ว่า
“จิตเต สงฺกิลิฏเฐ ทุคติ ปาฏิกงฺขา” แปลว่า “เมื่อจิตเศร้าหมอง
ย่อมมีทุคติเป็นที่ไป”
เพราะฉะนั้น ตลอดสองเดือนจนถึงวินาทีสุดท้ายที่พ่อมีชีวิตอยู่นี่
อย่าให้ท่านมีเรื่องเศร้าหมองจิตอย่างเด็ดขาด แล้วเรื่องที่ทําให้ใจคนเรา
ผ่องใสได้ดีที่สุด ก็คือเรื่อง การทำบุญ
ในกรณีที่คุณพ่อไม่ชอบทำบุญนี้ ถ้าลูกเป็นคนทำให้ แล้วท่าน
จะได้บุญหรือไม่ ?
คำตอบคือ ท่านก็ได้เหมือนกัน ถ้าท่านอนุโมทนาบุญกับเราเป็น
แต่ได้น้อย ต้องให้ท่านทำเอง
คนที่ไม่เชื่อเรื่องบุญ-บาป ไม่เชื่อเรื่องนรก-สวรรค์ แต่เชื่อว่าชาติ
หน้าไม่มี ตายแล้วสูญ พวกนี้พอบาปตามมาทัน ก่อนตายก็ต้องได้รับ
ทุกข์ทรมานมากกันทุกคน
ในฐานะที่เราเป็นลูก ก็ควรเฝ้าดูแลอยู่ใกล้ๆ ได้โอกาสก็ชวน
ท่านคุยเรื่องธรรมะบ้างนำดอกไม้ธูปเทียนมาให้ท่านบูชาพระตอนเช้า ตอน
เย็น และก่อนนอน แรกๆ ท่านอาจจะไม่ยอมทำตาม แต่เราก็ต้องค่อยๆ
พูดให้ท่านเข้าใจเรื่องบุญบาป บอกให้พ่อไหว้พระและสวดมนต์ทุกวันๆ
เท่าที่จะทําได้
ถ้าท่านลุกนั่งไม่ขึ้น ก็ให้นอนสวดบนที่นอนนั้นแหละ เมื่อก่อน
ตอนที่ท่านยังสบายดีอาจจะไม่เชื่อ แต่พอเจ็บหนักใกล้ตายเข้า ลูกบอก
ให้ขอให้พระช่วย ท่านอาจจะยอมเชื่อ
หรือเราอาจจะเตรียมข้าวปลาอาหาร ผลไม้ ดอกไม้ ไว้ให้ท่านใส่
บาตร ถ้าเรานิมนต์พระมารับถึงห้องได้เลยก็ดี แต่ถ้าพระมาไม่ได้หรือ
แถวนั้นไม่มีพระ เราก็ไปตักบาตรแทนท่าน แล้วกลับมาเล่า ให้ท่านฟังว่า
ได้ไปทําบุญทําทานมาให้ท่านอย่างนี้ๆ
ถ้าท่านยังพอมีบุญอยู่บ้างก็จะคล้อยตาม อาการป่วยที่ทุรนทุราย
ก็จะลดลง หากท่านไม่ยอมสักอย่าง ก็จนปัญญา ก็ขอไปทดแทนคุณกัน
ชาติหน้าก็แล้วกัน ชาตินี้คงช่วยอะไรไม่ได้
เมื่อหลายปีก่อน มีคนที่หลวงพ่อรู้จักอยู่คนหนึ่งเป็นมรรคทายก
ป่วยเป็นโรคเบาหวานจนถึงต้องตัดขา หลังจากติดใหม่ๆ ประมาณบ่าย ๒
โมงของทุกวัน จะปวดแผลมาก ทำอย่างไรก็ไม่หาย
แต่เนื่องจากการที่เคยเข้าวัดมาก่อน จิตใจเชื่อในเรื่องบุญเรื่อง
บาปอยู่แล้ว พอหลวงพ่อไปเยี่ยม ก็เอาเทปนำสวดมนต์และนั่งสมาธิไปให้
หลังจากรับประทานอาหารเช้า ก็ให้หลับพักผ่อน จนกระทั่งถึงบ่ายโมง
ครึ่งใกล้เวลาที่เริ่มปวด จึงเปิดเทปบทสวดมนต์ให้ท่านสวดคลอตามไป
Empaco! S
ค
loan