ความศักดิ์สิทธิ์ของคำอวยพร ครอบครัวอบอุ่น หน้า 169
หน้าที่ 169 / 198

สรุปเนื้อหา

เรื่องราวเกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์ของการให้พรโดยอ้างอิงจากคุณธรรม การเตรียมตัวเป็นผู้มีคุณภาพเพื่อส่งต่อให้กับลูกหลาน โดยอ้างอิงถึงเหตุการณ์ก่อนที่พระองคุลิมาลจะบรรลุเป็นพระอรหันต์ และการปฏิบัติธรรมเพื่อเตรียมตัวในการให้พรอย่างมีความหมาย การให้พรนั้นเกิดจากการมีจิตดีและการสร้างบุญกุศลในชีวิตประจำวันและการเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับคนรุ่นหลัง ซึ่งจะนำไปสู่วิถีแห่งความสงบและเจริญรุ่งเรือง

หัวข้อประเด็น

-ความศักดิ์สิทธิ์ของคำอวยพร
-อำนาจของสัจจะ
-การเตรียมตัวในชีวิต
-การพัฒนาตนเอง
-การส่งต่อคุณธรรมให้ลูกรุ่นหลัง

ข้อความต้นฉบับในหน้า

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจนบัดนี้ ความคิดที่จะเบียดเบียนรังแกสัตว์ แม้ สักนิดไม่มีเลย ด้วยสัจจะนี้ ขอน้องหญิง จงคลอดบุตรโดยสวัสดีเถิด พอท่านกล่าวจบ หญิงผู้นั้นก็คลอดบุตรออกมาอย่างง่ายดาย ปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูก เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนพระองคุลิมาล จะบรรลุเป็นพระอรหันต์ นี่เป็นตัวอย่างให้เห็นว่า อำนาจของสัจจะต่อคุณธรรมความดีมีความ ศักดิ์สิทธิ์อย่างนี้" เพราะฉะนั้น หลักการให้พรที่ถูกต้อง คือ ผู้ให้จะต้องอ้างสัจจะ ในคุณธรรมความดีที่มีอยู่ในตัวมาเป็นคำอวยพรให้แก่ลูกหลาน คำ อวยพรนั้นจึงจะเกิดความศักดิ์สิทธิ์ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเรามีสัจจะในการทําทาน ก็ให้พรว่า “ด้วยสัจจะที่ได้ตักบาตรแก่พระภิกษุสงฆ์เป็นประจำมาตลอดปี ขอ ให้ผู้มาขอพรนี้ จงมีอาหารการกินบริบูรณ์ อย่าได้ขาด หรือด้วยสัจจะที่ เคยติดใจให้สมบัติเป็นทานโดยง่าย ขอให้ผู้รับพร จงได้สมบัติโดยง่าย เช่นกัน” ข้อคิดของหลวงพ่อ เมื่อหลวงพ่อท่านอธิบายเรื่องนี้จบลงท่านก็ยังให้ข้อคิดอีกต่อไปว่า “พวกเราทุกคนที่รู้ตัวว่าพรุ่งนี้จะมีลูกหลาน หรือคนที่เคารพ นับถือมาขอพร เราต้องคิดแล้วนะ ว่าทำอย่างไร คำอวยพรของเรา จะ ไม่เป็นเพียงเสียงนกแก้วนกขุนทองที่พูดไป ถ้าหากเราไม่ได้ตักบาตรประจํา ก็ต้องเริ่มตักบาตรเป็นการฝึกขจัด ความตระหนี่ของตัวเอง ถ้าหากยังเจ้าอารมณ์อยู่ ก็ต้องฝึกรักษาศีลให้ดี ถ้าหากยังชอบตะแบง ชอบดันทุรัง เห็นอยู่ว่าผิด แต่ก็ยังดื้อทำไป ก็ควร ศึกษาธรรมะ และเข้าวัดปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิสม่ำเสมอได้แล้ว ไม่อย่าง นั้น เราก็ไม่รู้ว่าจะเอาความประเสริฐจากที่ไหน แต่ถ้าเราฝึกตัวเองมาอย่างดี พอถึงเวลาลูกหลานมาขอพร ก็อ้าง เอาบุญกุศลที่ใส่บาตร รักษาศีล และนั่งสมาธิมิได้ขาด มากําหนดเป็นค่า อวยพร ขอให้บุญกุศลนี้ จงถึงแก่ผู้มาขอพร ให้เขามีความเจริญรุ่งเรือง สุขภาพร่างกายแข็งแรง มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดในการท่าความดี พรที่ เราให้นี้ก็จะมีความศักดิ์สิทธิ์ แต่ถ้าใครตอนนี้ เป็นผู้ใหญ่แล้ว แหนงใจว่าตัวเองไม่มีความดี อะไรเลย ก็ยังไม่สายเกินไปหรอกนะ คืนนี้ก่อนนอนสวดอิติปิโสสัก ๑๐๘ จบ หรือนั่งสมาธิให้ตลอดคืน พรุ่งนี้ ลูกหลานมาขอพร ก็ยังเป็นความ ศักดิ์สิทธิ์ที่จะเอาไปอ้างได้ แม้จะเป็นความศักดิ์สิทธิ์เพียงคืนเดียว ก็ยัง ดีกว่าไม่มีอะไรเสียเลย หลังจากนั้นก็ทำเพิ่มเข้าไปทุกวัน เดี๋ยวความ ประเสริฐก็จะเกิดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เอง” เมื่อเราได้ศึกษาเรื่องนี้แล้ว ก็ทำให้เห็นภาพของการเตรียมตัวสู่ บั้นปลายชีวิตที่ชัดเจน และมีความรู้สึกว่า นี่เราต้องเตรียมตัวแก่ก่อน แก่ให้พร้อมเสียแล้ว เพราะถ้าไปคิดปรับตัวตอนแก่ แต่ติดนิสัยแย่ๆ มา เยอะแล้ว ไม้แก่คงดัดยาก แต่ถ้าลงมือฝึกฝนปรับปรุงตัวเอง แก้ไข ความโลภ ความโกรธ ความหลงที่มีอยู่ในใจให้น้อยลงไปเสียตั้งแต่วันนี้ พอบั้นปลายชีวิตมาถึง เราก็จะได้เป็นผู้ใหญ่ที่มีความพร้อมต่อการเป็น “ปูชนียบุคคล” ที่สมควรแก่การเคารพกราบไหว้ของลูกหลาน เมื่อวันนั้น มาถึง นั่นเท่ากับว่า “เราได้เป็นคลังปัญญาให้ลูกหลานได้ศึกษาและนำไป ปฏิบัติตาม" นั่นเอง leiniol nippen
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More