ข้อความต้นฉบับในหน้า
สนับสนุนการทํางานเผยแผ่ธรรมะของพระอย่างเต็มที่
สำหรับในประเด็นนี้ ขอยกเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นในชั่วโมง
พระพุทธศาสนาที่มีหลวงพ่อรูปหนึ่งท่านอธิบายเรื่องนี้ไว้ได้ชัดเจนดังนี้
เรื่องมีอยู่ว่า มีโยมท่านหนึ่ง เนื่องจากอ่านข่าวพระทำผิดมามาก
ก็เลยคิดว่าพระทั้งประเทศไทยนี้ แย่เหมือนกันหมด พอได้มาพบกับ
หลวงพ่อท่าน ก็เลยน่าคำถามนี้มาถามว่า
“พระเดี๋ยวนี้ทําตัวไม่น่ากราบ ไม่น่าไหว้ ไม่น่าเลื่อมใส ผมจะขอ
นับถือแค่พระพุทธกับพระธรรม เลิกนับถือพระสงฆ์จะได้ไหมครับ ?”
ค่าถามนี้เป็นค่าถามที่ละเอียดอ่อน มีผลกระทบในวงกว้าง และ
ตอบยาก เพราะถ้าตอบไม่ดี ก็มีสิทธิทำให้นักศึกษาทั้งห้องพากันเลิก
นับถือพระสงฆ์ทั้งประเทศได้เลยทีเดียว
แต่หลวงพ่อท่านนั่งยิ้มๆ แล้วก็ตอบอย่างสบายๆ ว่า
“การที่คนใดคนหนึ่งจะสามารถนับถือพระธรรมได้มีข้อแม้สำคัญ
อยู่อย่างหนึ่งว่า ผู้นั้นจะต้องเป็นบุคคลประเภทที่ว่า ไม่ชอบจับผิดคนอื่น
แต่พยายามแสวงหาความดีที่มีอยู่ในตัวของบุคคลอื่นให้พบตามความ
เป็นจริง
คำถามของคุณที่ถามว่า จะเลิกนับถือพระสงฆ์ จะเคารพแต่
พระพุทธกับพระธรรมเท่านั้นจะได้ไหม ตอบว่า ไม่ได้ เพราะที่คุณบอก
ว่าพระสงฆ์ไม่ค่อยจะดีอย่างนั้นอย่างนี้ มันฟ้องว่า คุณเองมีนิสัยชอบ
จับผิดคนอื่น ขาดความสังเกตที่ดี และสรุปอะไรง่ายเกินไป
พระสงฆ์ทั่วเมืองไทยมีตั้ง ๒-๓ แสนรูป คุณเองรู้จักพระสงฆ์
สักกี่รูปเชียว อย่างมากอาตมาให้คุณสัก ๑,๐๐๐ รูป ถ้าคุณเห็นพระ
สงฆ์ที่ไม่ดีมา ๑,๐๐๐ รูป แล้วอีกตั้ง ๓ แสนที่ดีๆ จะว่าอย่างไร ?
คุณมีนิสัยจับผิดอย่างนี้ ชาตินี้หาพระดีๆ ไม่พบหรอก คุณปิด
ใจจนใจบอดไปเอง หลวงพ่อคิดว่าคุณควรฝึกการมองเสียใหม่
มองเข้าไปในวัด แล้วทำใจให้เหมือนมองเข้าไปในสถาบันการ
ศึกษาทางโลก คุณจะพบว่าในสถาบันการศึกษาทางโลกมีคนอยู่ ๒ ประเภท
ได้แก่
ประเภทที่ ๑ คือ นักเรียน ซึ่งเข้ามาศึกษาหาความรู้
ประเภทที่ ๒ คือ ครูบาอาจารย์ ซึ่งเป็นผู้สอน
นักเรียนที่เข้ามาหาความรู้ในสถาบันการศึกษา โอกาสที่เขาจะ
ประพฤติผิด วางตัวไม่ถูกต้อง มีไหม? แน่นอน มีมากมาย
แล้วเราถือสาหาความกับนักศึกษาเหล่านั้นหรือเปล่า? เปล่า
เพราะเราถือว่า เขาเพิ่งก้าวเข้ามาศึกษาหาความรู้ จะทำความผิดพลาด
ล่วงเกินอะไรไปบ้าง เราก็ให้อภัยกัน
แต่ว่า ถ้าเป็นคนประเภทที่ ๒ ระดับครูบาอาจารย์ หากมีข้อ
บกพร่อง เรามักล่าหนิกัน
ในวัดวาอารามทุกแห่งในประเทศไทย ความจริงพระในวัดก็เหมือน
คนในสถาบันการศึกษาทางโลก คือ พระก็มี ๒ ประเภท
ประเภทที่ ๑ คือ พระนักเรียน
ท่านเพิ่งเข้ามาหาความรู้ บางทีเพิ่งบวชได้วันสองวัน เดือนสอง
เดือน ปีสองปี หรือพรรษาสองพรรษา เท่านั้น แน่นอน ท่านยังใหม่อยู่
ในธรรมวินัย เพราะฉะนั้นท่านก็มีข้อที่ประพฤติปฏิบัติผิดพลาดบ้าง นี้
เป็นธรรมดาก็เป็นพระนักเรียน จะเอาอะไรกันนักกันหนา
ประเภทที่ ๒ คือ พระที่เป็นครูบาอาจารย์
ท่านเหล่านี้เป็นหลักของวัดอยู่ทุกวัดในเมืองไทย มีรวมกันเป็น
nan
ค
add