การทำความดีตั้งแต่เช้า ครอบครัวอบอุ่น หน้า 166
หน้าที่ 166 / 198

สรุปเนื้อหา

บทความนี้อธิบายถึงความสำคัญของการทำความดีในตอนเช้าและการรักษาศีลเพื่อลดความโลภและความโกรธในครอบครัว โดยยกตัวอย่างการปฏิบัติตนของปู่ย่าตาทวดที่สอนให้ลูกหลานแบ่งปันและอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ แสดงให้เห็นถึงคุณค่าของการมีศีล 5 และการสร้างความสมานฉันท์ในครอบครัวในยุคที่มีความขัดแย้งสูง.

หัวข้อประเด็น

-การทำความดีในตอนเช้า
-การรักษาศีล
-การฝึกสมาธิ
-การลดความโลภและความโกรธ
-คุณค่าของครอบครัว

ข้อความต้นฉบับในหน้า

แตกต่างกับตอนเช้าของคนส่วนมากในยุคสมัยนี้ที่พอลืมตาขึ้นมา ก็คิดแต่เรื่องแข่งขันทำมาหากิน คิดแต่จะกอบโกยผลประโยชน์จากผู้อื่น บางคนก็คิดคดโกงตั้งแต่ตื่นเช้าจนกระทั่งเข้านอน หรือบางคนก็มัวแต่ นอนตื่นสาย เมื่อตื่นขึ้นมาแล้ว คนอื่นเขาก็ทำอะไรไปถึงไหนกันแล้ว แต่ ว่าตัวเองผ่านเวลาไปตลอดวันก็ยังไม่ได้ทำความดีอะไรเลย เมื่อเป็นอย่างนี้ เรื่องเดือดเนื้อร้อนใจในบ้านถึงมาก มีการเอารัด เอาเปรียบกันเองในครอบครัว แล้วก็เลยเถิดมาถึงการทะเลาะอย่างเอา เป็นเอาตาย เพื่อแย่งสมบัติกัน หรือบางทีก็ขัดแข้งขัดขากันเองในหมู่ ญาติพี่น้อง ความประเสริฐของวงศ์ตระกูลนั้น จึงได้เสื่อมลงไป มีแต่ ปัญหาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะคิดแต่จะเอาจากผู้อื่นตั้งแต่ตื่นนอนจน กระทั่งเข้านอน เพราะฉะนั้น ปู่ย่าตาทวดของเราท่านมองทะลุมาถึงตรงนี้ ท่านจึง นำลูกหลานทุกคนในบ้าน ออกมาใส่บาตรพระ เป็นการทำความดีแรก ของวัน และเป็นการฝึกทุกคนให้คุ้นเคยกับการสนับสนุนให้ผู้อื่นทำ ความดีด้วยความเต็มใจ ป้องกันความคิดโลภ คิดเอาเปรียบ คิดอิจฉาริษยา คิดอยากได้ของคนอื่น และมีจิตใจผ่องใสตั้งแต่เช้าตรู่ของวันอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ ความโลภภายในใจก็จะน้อยลงไป แล้วความประเสริฐจากความ เป็นผู้ให้ ก็จะเกิดขึ้นในตัวเป็นประการที่ ๑ ๒. ขจัดความโกรธด้วยการรักษาศีลอย่างสม่ำเสมอ เมื่อปู่ย่าตายายตื่นนอนขึ้นมาตอนเช้ามืดแล้ว ก่อนจะไปเตรียม อาหารใส่บาตร ท่านจะเรียกลูกหลานมารวมกันที่หน้าหิ้งพระประจำบ้าน ไม่เว้นแม้แต่คนงานในบ้าน เพื่อสวดมนต์ทำวัตรเช้าพร้อมกันก่อน แล้ว ก็นำทุกคนอาราธนาศีล ๕ ต่อหน้าพระพุทธรูปประจำบ้านอย่างพร้อม เพรียงกัน หลังจากสวดมนต์ทำวัตรเสร็จ จึงค่อยแยกย้ายกันไปเตรียม ข้าวปลาอาหารมาใส่บาตร แต่ถ้าวันไหน เกิดมีความผิดพลาดในเรื่องเวลา คนในบ้านอาจ จะตื่นช้ากว่าปกติไปสักสิบนาที ทำให้ไม่ได้สวดมนต์ท่าวัตรเช้าก่อน เพราะต้องรีบไปเตรียมอาหารใส่บาตรก่อน ท่านก็ไม่ยอมเลยตามเลย อย่างน้อยระหว่างรอพระมาบิณฑบาต ท่านก็จะนําสมาชิกทุกคน อาราธนาศีล ๕ ในช่วงนี้แทน พอใส่บาตรเสร็จ ท่านก็นำลูกหลานกรวด น้ำอุทิศส่วนกุศล เอาบุญที่เกิดจากการใส่บาตรและการรักษาศีลอุทิศให้ บรรพชนผู้ล่วงลับทันที แล้วหลังจากนั้นท่านก็กลับไปสวดมนต์ทำวัตร เช้าของท่าน ไม่มีลดลาวาศอกกับกิเลสเลย การที่ท่านฝึกให้ลูกหลานในครอบครัวคุ้นกับการตั้งสัจจะในการ รักษาศีลเป็นประจำทุกวันอย่างนี้ ก็เพื่อให้ลูกหลานมีหลักประจำใจของ ตัวเองว่า วันนี้ทั้งวัน จะต้องไม่ผิดศีล ๕ จะต้องไม่ทําความเดือดร้อนให้ แก่ใคร ไม่ไปทำเจ้าชู้กับใคร และไม่ว่าจะเกิดกระทบกระทั่งกับใคร รุนแรงแค่ไหน ก็จะพยายามไม่โกรธ ค่อยพูดค่อยจาด้วยเหตุผล เมื่อท่านฝึกลูกหลานอย่างนี้ ปัญหาอบายมุขในครอบครัวก็จะไม่มี เรื่องร้อนเขาร้อนเราทั้งในบ้านและนอกบ้าน ก็จะไม่มี เพราะทุกคนมีศีล ๕ เป็นปกติ ผิดกับยุคสังคมสมัยนี้ ที่ไม่พอใจอะไรขึ้นมาก็จะต้องด่าว่ากัน ด้วยค่าหยาบคายทันที พร้อมจะระเบิดอารมณ์เข้าหากัน พร้อมจะแก้ แค้นทวงคืน ทำให้เกิดการจองเวรกันอย่างไม่รู้จบ เพราะฉะนั้น ปู่ย่าตาทวด ท่านมองทะลุมาถึงเหตุผลต่างๆ เหล่านี้ ท่านจึงลุกขึ้นมาแต่เช้า เพื่อนำลูกหลานในบ้านให้อาราธนาศีลพร้อมๆ กัน เพื่อเป็นการฝึกให้ทุกคนมีศีล ๕ รู้จักควบคุมตัวเองไม่ไปสร้างความ เดือดร้อนแก่ใคร และพยายามรักษาจิตใจให้ผ่องใสตลอดวัน ด้วยเหตุนี้ ความโกรธในใจก็จะถูกขังเอาไว้ไม่ให้ออกฤทธิ์ mob mart
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More