ข้อความต้นฉบับในหน้า
แตกต่างกับตอนเช้าของคนส่วนมากในยุคสมัยนี้ที่พอลืมตาขึ้นมา
ก็คิดแต่เรื่องแข่งขันทำมาหากิน คิดแต่จะกอบโกยผลประโยชน์จากผู้อื่น
บางคนก็คิดคดโกงตั้งแต่ตื่นเช้าจนกระทั่งเข้านอน หรือบางคนก็มัวแต่
นอนตื่นสาย เมื่อตื่นขึ้นมาแล้ว คนอื่นเขาก็ทำอะไรไปถึงไหนกันแล้ว แต่
ว่าตัวเองผ่านเวลาไปตลอดวันก็ยังไม่ได้ทำความดีอะไรเลย
เมื่อเป็นอย่างนี้ เรื่องเดือดเนื้อร้อนใจในบ้านถึงมาก มีการเอารัด
เอาเปรียบกันเองในครอบครัว แล้วก็เลยเถิดมาถึงการทะเลาะอย่างเอา
เป็นเอาตาย เพื่อแย่งสมบัติกัน หรือบางทีก็ขัดแข้งขัดขากันเองในหมู่
ญาติพี่น้อง ความประเสริฐของวงศ์ตระกูลนั้น จึงได้เสื่อมลงไป มีแต่
ปัญหาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะคิดแต่จะเอาจากผู้อื่นตั้งแต่ตื่นนอนจน
กระทั่งเข้านอน
เพราะฉะนั้น ปู่ย่าตาทวดของเราท่านมองทะลุมาถึงตรงนี้ ท่านจึง
นำลูกหลานทุกคนในบ้าน ออกมาใส่บาตรพระ เป็นการทำความดีแรก
ของวัน และเป็นการฝึกทุกคนให้คุ้นเคยกับการสนับสนุนให้ผู้อื่นทำ
ความดีด้วยความเต็มใจ ป้องกันความคิดโลภ คิดเอาเปรียบ คิดอิจฉาริษยา
คิดอยากได้ของคนอื่น และมีจิตใจผ่องใสตั้งแต่เช้าตรู่ของวันอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้ ความโลภภายในใจก็จะน้อยลงไป แล้วความประเสริฐจากความ
เป็นผู้ให้ ก็จะเกิดขึ้นในตัวเป็นประการที่ ๑
๒. ขจัดความโกรธด้วยการรักษาศีลอย่างสม่ำเสมอ
เมื่อปู่ย่าตายายตื่นนอนขึ้นมาตอนเช้ามืดแล้ว ก่อนจะไปเตรียม
อาหารใส่บาตร ท่านจะเรียกลูกหลานมารวมกันที่หน้าหิ้งพระประจำบ้าน
ไม่เว้นแม้แต่คนงานในบ้าน เพื่อสวดมนต์ทำวัตรเช้าพร้อมกันก่อน แล้ว
ก็นำทุกคนอาราธนาศีล ๕ ต่อหน้าพระพุทธรูปประจำบ้านอย่างพร้อม
เพรียงกัน หลังจากสวดมนต์ทำวัตรเสร็จ จึงค่อยแยกย้ายกันไปเตรียม
ข้าวปลาอาหารมาใส่บาตร
แต่ถ้าวันไหน เกิดมีความผิดพลาดในเรื่องเวลา คนในบ้านอาจ
จะตื่นช้ากว่าปกติไปสักสิบนาที ทำให้ไม่ได้สวดมนต์ท่าวัตรเช้าก่อน
เพราะต้องรีบไปเตรียมอาหารใส่บาตรก่อน ท่านก็ไม่ยอมเลยตามเลย
อย่างน้อยระหว่างรอพระมาบิณฑบาต ท่านก็จะนําสมาชิกทุกคน
อาราธนาศีล ๕ ในช่วงนี้แทน พอใส่บาตรเสร็จ ท่านก็นำลูกหลานกรวด
น้ำอุทิศส่วนกุศล เอาบุญที่เกิดจากการใส่บาตรและการรักษาศีลอุทิศให้
บรรพชนผู้ล่วงลับทันที แล้วหลังจากนั้นท่านก็กลับไปสวดมนต์ทำวัตร
เช้าของท่าน ไม่มีลดลาวาศอกกับกิเลสเลย
การที่ท่านฝึกให้ลูกหลานในครอบครัวคุ้นกับการตั้งสัจจะในการ
รักษาศีลเป็นประจำทุกวันอย่างนี้ ก็เพื่อให้ลูกหลานมีหลักประจำใจของ
ตัวเองว่า วันนี้ทั้งวัน จะต้องไม่ผิดศีล ๕ จะต้องไม่ทําความเดือดร้อนให้
แก่ใคร ไม่ไปทำเจ้าชู้กับใคร และไม่ว่าจะเกิดกระทบกระทั่งกับใคร
รุนแรงแค่ไหน ก็จะพยายามไม่โกรธ ค่อยพูดค่อยจาด้วยเหตุผล
เมื่อท่านฝึกลูกหลานอย่างนี้ ปัญหาอบายมุขในครอบครัวก็จะไม่มี
เรื่องร้อนเขาร้อนเราทั้งในบ้านและนอกบ้าน ก็จะไม่มี เพราะทุกคนมีศีล ๕
เป็นปกติ
ผิดกับยุคสังคมสมัยนี้ ที่ไม่พอใจอะไรขึ้นมาก็จะต้องด่าว่ากัน
ด้วยค่าหยาบคายทันที พร้อมจะระเบิดอารมณ์เข้าหากัน พร้อมจะแก้
แค้นทวงคืน ทำให้เกิดการจองเวรกันอย่างไม่รู้จบ
เพราะฉะนั้น ปู่ย่าตาทวด ท่านมองทะลุมาถึงเหตุผลต่างๆ เหล่านี้
ท่านจึงลุกขึ้นมาแต่เช้า เพื่อนำลูกหลานในบ้านให้อาราธนาศีลพร้อมๆ กัน
เพื่อเป็นการฝึกให้ทุกคนมีศีล ๕ รู้จักควบคุมตัวเองไม่ไปสร้างความ
เดือดร้อนแก่ใคร และพยายามรักษาจิตใจให้ผ่องใสตลอดวัน
ด้วยเหตุนี้ ความโกรธในใจก็จะถูกขังเอาไว้ไม่ให้ออกฤทธิ์
mob
mart