ข้อความต้นฉบับในหน้า
เพราะถึงให้ขยันให้ตาย แต่ก็จะทำแบบโง่ๆ ต่อไป จึงไม่มีทางได้ดี
นอกจากไม่ได้ดีแล้ว ยังมีปัญหาเสียหายให้ต้องตามมาแก้อีกเพียบเลย
คนที่จะทำดีแล้วถูกดีได้ มีทางเดียว คือ ต้องศึกษาให้ดีก่อนแล้ว
ค่อยลงมือทำให้ถูกต้องตรงตามวัตถุประสงค์หลักของเรื่องนั้น
๒) ต้องทําให้ถึง
ถึงดี คือ ทุ่มเทกำลังความรู้ ความสามารถอย่างเต็มที่เพื่อให้ผล
งานออกมาดีที่สุด
แม้ว่าจะทำได้ถูกต้องตรงตามวัตถุประสงค์แล้วแต่ถ้าถามว่าทำถูก
ดีแล้วจะได้ดีเลยหรือไม่ ? ก็ต้องตอบว่า ยังไม่แน่ เพราะถึงแม้จะทำถูก
ดี แต่ว่าถ้ายังไม่ถึงดี ยังทำแค่ครึ่งๆ กลางๆ ไม่ทุ่มเต็มที่ แม้งานอาจจะ
เสร็จ แต่ผลงานก็จะไม่ดี
ยกตัวอย่างเรื่องการซักเสื้อ เรารู้แล้วว่า ต้องซักให้ถูกตรงรอยเปื้อน
ที่คอ ที่ปก และที่ปลายแขน และเราก็รู้ว่าต้องขยี้ให้ถึง ๓๐ ครั้ง รอย
เปื้อนจึงจะหลุดหมด แต่พอถึงเวลาลงมือซัก แทนที่เราจะขยี้ตรงรอยที่
เปื้อนให้ได้ ๓๐ ครั้ง เสื้อจึงจะสะอาด เรากลับขยี้ไปแค่ ๑๐ ครั้ง ยัง
เหลืออีกตั้ง ๒๐ ครั้ง แต่ไม่ขยี้ต่อ เสื้อก็ไม่มีทางสะอาด คราบสกปรกก็
ไม่มีทางเกลี้ยง มันแค่เปื้อนน้อยลง การทำอะไรต่างๆ ก็เหมือนกัน ถึง
แม้จะทําถูกดีแล้ว แต่ถ้าปริมาณงานยังไม่พอจะให้เกิดดี ก็จะยังไม่ได้ดี
การทำดีได้ถูกดี แต่ไม่ถึงดี ก็เข้าทำนองเป็นพวกฉลาดแต่ทำตัวขึ้
เกียจ คือรู้ว่ามันดีอยู่ตรงไหนก็รู้งานนี้ทำอย่างไรก็รู้ แต่ทำไปหน่อยเดียว
ทำงานเหมือนผักชีโรยหน้าเสียแล้วคือมันถูกดีแต่ว่ามันไม่ถึงดีก็ไปไม่รอด
มันจะหลอกได้ก็เฉพาะคนที่ยังรู้ไม่ทัน วันหนึ่งถ้าถูกจับได้ไล่ทันว่า เจ้า
นี่มันฉลาดแต่ขี้เกียจ เขาก็ไม่เอาไว้
เพราะฉะนั้น คนที่ท่าถูกดีแล้วจะให้ถึงดีได้ มีทางเดียว คือ ต้อง
ทุ่มเททำงานนั้นอย่างสุดความสามารถให้คุณภาพงานออกมาได้ตามเป้า
หมาย ไม่ขี้เกียจ ไม่หลบ ไม่รู้ ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใดทั้งสิ้น
๓) ต้องทําให้พอดี
ถามว่าถ้าทำได้ถูกดี และถึงดีแล้ว จะได้ดีไหม ? ต้องบอกว่ายัง
ไม่แน่ เพราะจะต้องทำให้พอดีด้วย
พอดี คือ มีสติดี ไม่ทําจนเลยเถิด ไม่มากไป ไม่น้อยไป จนเกิด
ความเสียหาย
ยกตัวอย่าง ผ้าที่เราเอามาซัก เราก็ซักถูกตรงรอยที่เปื้อนแล้ว แต่
ว่าแทนที่เราควรจะขยี้สัก ๓๐ ครั้ง รอยเปื้อนก็จะหลุดหมด แต่เรากลับ
เผื่อเหนียวมากไปหน่อย ไปขยี้ตั้ง ๑๐๐ ครั้ง ผ้าเลยขาดเสีย เสื้อดีๆ ก็
เลยเสียไป เพราะมันไม่พอดี
การทำดีไม่พอดี ก็เข้าทำนองประเภททำงานหามรุ่งหามค่ำจน
สุขภาพทรุดโทรม แล้วยิ่งกู้หนี้ยืมสินมาทำด้วย ก็ไม่ไหวหรอก มันไม่ได้
ดีทั้งนั้น ต้องปรับให้มันพอดี
เพราะฉะนั้น คนที่ทำถูกดี ถึงดีแล้ว และจะทำให้พอดี มีทางเดียว
คือ ต้องมีสติดี ไม่ทําจนเลยเถิด ไม่มากไป ไม่น้อยไป จนเกิดความเสีย
หาย คืออย่าเผื่อเหนียวมากไป
โดยสรุป ก็คือ คนที่ทำดีให้ได้ดีนั้น ของเขาเองต้องลงมือ
ทําความดีให้ครบองค์ประกอบ ๓ ประการ คือ ต้องถูกดี ต้องถึงดี และ
ต้องพอดี นี่เป็นเงื่อนไขจากตัวของเขาเอง
homio
lome