ข้อความต้นฉบับในหน้า
คำถามเหล่านี้ ถ้าหากไม่พบพระพุทธศาสนาย่อมไม่มีทางรู้ความ
จริงได้เลย
คำสอนในพระพุทธศาสนาได้ส่องทางให้เรามองเห็นว่า ความ
แตกต่างของชีวิตนั้นเป็นเรื่องน่าฉงน มนุษย์เกิดในโลกใบเดียวกัน แต่
ไม่รู้ความเป็นมาของตัวเองเหมือนกัน ไม่รู้โลกใบนี้อยู่ที่ตรงไหนของ
จักรวาลเหมือนกัน ไม่รู้ว่าตายจากโลกนี้ไปไหนเหมือนกัน ทุกที่ในโลกนี้
มีปริศนาให้ค้นหาค่าตอบเต็มไปหมด
ยกตัวอย่างเช่น
บางคนเสียชีวิตตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา แต่บางคนกลับมีชีวิตได้
ออกมาดูโลกภายนอก
บางคนเกิดมาแข็งแรง แต่บางคนพิการแต่กำเนิด หูหนวก ตาบอด
บางคนเกิดมาก็รวยเลย แต่บางคนเกิดมา แม้แต่น้ำนมจาก
มารดาก็ไม่มีจะกิน
บางคนเกิดมาในชาติตระกูลสูง แต่บางคนเกิดมาเป็นลูกชาวบ้าน
บางคนโตมาจากพ่อแม่เดียวกัน ทำงานเดียวกัน คิดเหมือนกัน
วิธีการเดียวกัน ผลปรากฏว่า อีกคนหนึ่งเจ๋ง แต่อีกคนกลับรวย
และที่ฉงนมากขึ้นอีกก็คือ ในขณะที่เราเกิดเป็นคน แต่อีกหนึ่ง
ชีวิตกลับมาเกิดเป็นสุนัขในบ้าน ยิ่งเป็นความแตกต่างที่ชัดเจน
ความแตกต่างเหล่านี้ มีให้เราเห็นอยู่เป็นปกติ ถ้าเราไม่เก็บมาคิด
ก็จะไม่ใส่ใจอะไร แต่ถ้าเราตั้งเป็นข้อสังเกต เราจะพบว่าเรื่องนี้ มีที่มาที่
ไปของมันอย่างแน่นอน แต่ไม่รู้จะเอาคำตอบจากไหน
การที่เราได้พบพระพุทธศาสนา ทำให้เราพบคำตอบว่า กฎประจำ
โลกนี้ คือ กฎแห่งกรรม
ความแตกต่างของชีวิตขึ้นอยู่กับกรรมประจำตัวบุคคล
ดังนั้น การที่คนเราเกิดมาเป็นคนเหมือนกัน แต่ได้รับความสุขทุกข์
ไม่เท่ากัน ก็ยืนยันได้ว่า ผลกรรมมีจริง และส่งผลข้ามชาติได้จริง
หลวงพ่อรูปหนึ่ง ท่านเคยเล่าให้ฟังถึงเรื่อง “กรรม” ไว้ว่า
“คำว่า “กรรม” เป็นค่ากลางๆ ไม่ได้หมายถึง ดี หรือชั่ว เพราะ
กรรม แปลว่า การกระทำ
“แต่พอขึ้นชื่อว่าการกระทำแล้ว ย่อมมีผลเสมอ เหมือนกับเราอิ่ม
เพราะอะไร เพราะกิน ถ้าไม่กินก็หิว ถ้าไม่นอนก็ง่วง ถ้านอนก็หายง่วง
“กรรมในที่นี้ จึงเป็นค่ากลางๆ ซึ่งแปลว่า การกระทำ ยังไม่ได้แยก
ออกว่าท่าดีหรือท่าชั่ว แต่ถ้าขึ้นชื่อว่า ทำแล้วเป็นต้องมีผลเสมอ
“ทางวิชาฟิสิกส์บอกชัดเลยว่า แรงที่ส่งออกไปมีผลเท่ากับแรงที่
สะท้อนกลับ เซอร์ไอแซก นิวตัน ได้ค้นพบทฤษฎีแรงว่า Action เท่ากับ
Reaction ซึ่งก็แปลความหมายแบบธรรมะได้ว่า “ทำอย่างไร ได้อย่างนั้น
“นักวิทยาศาสตร์เพิ่งค้นพบและทั่วโลกเพิ่งยอมรับเมื่อ ๓๐๐ กว่า
ปีมานี้เอง แต่พระพุทธองค์ได้ค้นพบกฎแห่งการกระทำ และได้สั่งสอน
ชาวโลกมาตั้งแต่เมื่อสองพันกว่าปีที่แล้วและเป็นการค้นพบที่ลึกซึ้งอีกด้วย
"ยกตัวอย่างเช่น เด็กที่ถูกทำแท้ง ถ้ามองกันผิวเผิน ก็จะมองว่า
ตัวเด็กเองก็ไม่รู้เรื่อง ผิดที่พ่อแม่ไม่ตั้งใจจะให้เกิด ก็เลยไปทำแท้ง เด็ก
เลยอายุสั้น แต่ว่าพระองค์ไม่ทรงสอนให้มองตื้นเขินเช่นนั้น ทรงสอนให้
มองให้ลึก และตั้งเป็นข้อสังเกตว่า ในเมื่อในโลกนี้มีพ่อแม่ตั้งเยอะแยะ
แต่ทำไมเด็กคนนี้ไม่ไปเกิด ทำไมจะต้องเจาะจงมาเกิดในพ่อแม่ที่จะ
ทําแท้งด้วย
bo สมั
ค
ba