การทำใจให้สงบในชีวิตคู่ ครอบครัวอบอุ่น หน้า 30
หน้าที่ 30 / 198

สรุปเนื้อหา

บทความนี้พูดถึงการมองเห็นไตรลักษณ์ของชีวิตและการทำใจให้สงบในขณะที่ต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ ในชีวิตคู่ โดยผู้เขียนเน้นถึงความสำคัญของการฝึกทำใจให้หนักแน่นเหมือนแผ่นดิน เพื่อให้สามารถดำเนินชีวิตคู่สู่ความสำเร็จและความสุขได้อย่างยั่งยืน. การมีคุณธรรมในจิตใจและการประคับประคองชีวิตแต่งงานที่มีความไม่แน่นอนเป็นหลักการสำคัญ เพื่อการแก้ไขปัญหาภายในครอบครัว

หัวข้อประเด็น

-การทำใจให้สงบ
-ไตรลักษณ์ในชีวิต
-การประคับประคองชีวิตคู่
-คุณธรรมในครอบครัว
-การรับมือกับความไม่แน่นอน

ข้อความต้นฉบับในหน้า

PE มลายหายไป ไม่ใช่ตัวตนที่ยั่งยืนไปตลอดกาล คนทั้งโลกมองไม่เห็นไตรลักษณ์ในสรรพสิ่ง จึงลุ่มหลงยินดียิน ร้ายหวั่นไหวไปในโลกธรรม ๘ ประการ จึงต้องตกอยู่ในห้วงทุกข์ตลอด เวลา แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเห็น ทรงรู้ในความจริงของสรรพสิ่ง ข้อนี้ดี จึงมาสอนให้ชาวโลกรู้จักการทำภาวนาให้ใจสงบนิ่งเหมือนแผ่น ดินที่ไม่หวั่นไหวไปกับโลกธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้น การที่ปู่ย่าตาทวดสอนให้เรารู้จักทำใจให้หนักแน่น เหมือนแผ่นดินนั้น ก็เพราะท่านมองโลกและชีวิตมาถึงจุดของความเป็น ไตรลักษณ์ คือ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง นี้เอง เพราะโลก ธรรม ๘ ประการ ไม่ว่าเราจะได้หรือไม่ได้อย่างไรก็ตาม ตัวของเราเองก็ ต้องตกอยู่ในกฎไตรลักษณ์อยู่ดี สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตเราก็คือ ต้องฝึก ทำใจให้สงบพร้อมพบกับความไม่แน่นอนของชีวิตอยู่ตลอดเวลา เพราะ เมื่อทำใจได้อย่างนี้แล้ว หากเกิดสิ่งใดที่ไม่คาดคิดขึ้นกับชีวิต ก็จะ สามารถทําใจได้เป็น ทําสติกลับคืนมาได้เร็ว และสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไป ได้ในโลกของความเป็นจริง เพราะทั้งสามี ภรรยา ลูกหลาน ล้วนตกอยู่ ในกฎไตรลักษณ์ที่มีความไม่แน่นอนเป็นความแน่นอนเช่นเดียวกับตัว เราทั้งหมดนั่นเอง คนที่มองเห็นความจริงของชีวิต และเพียรพยายามรักษาใจให้ หนักแน่นไม่หวั่นไหวในโลกธรรมได้ เหมือนแผ่นดินไม่สะทกสะท้านหวั่น ไหวในของเหม็น และของหอมเช่นนี้ ย่อมสามารถยกระดับศีลธรรมใน จิตใจให้สูงส่งขึ้นไปได้อีกมาก และนี่คือคาถาป้องกันการหย่าร้างเป็น ชั้นที่ ๔ สรุป - การประคับประคองชีวิตแต่งงานไปให้ได้ตลอดรอดฝั่งนั้น แท้จริงแล้วเป็นเรื่องของการยกระดับคุณธรรมของตนเองและทุกคนใน ครอบครัวให้เพิ่มพูนไปด้วยกัน โดยต้องอาศัยองค์ประกอบ ๔ ประการ ได้แก่ ๑) ต้องพึ่งตนเองให้ได้ก่อน ๒) ต้องมีหลักการคัดเลือกคนมาเป็นคู่ชีวิต ๓) ต้องมีพี่เลี้ยงในการประคับประคองชีวิตคู่ ๔) ต้องรู้จักขัดเกลาจิตใจให้งาม ทั้ง ๔ ประการนี้ล้วนเป็นหลักการที่ปู่ย่าตาทวดให้ไว้เพื่อเป็น แนวทางในการยกระดับคุณธรรมตนเองให้สูงขึ้นตามลำดับๆ เพราะการ แต่งงานนั้น เมื่อตัดสินใจร่วมชีวิตเป็นคู่ครองกันแล้ว มีหน้าที่และการ งานอีกมากรออยู่ข้างหน้า บางอย่างแม้ทนไม่ไหว ก็ต้องทนให้ไหว หาก ยกระดับคุณธรรมในจิตใจให้รองรับหน้าที่การงานของชีวิตแต่งงานได้ไม่ พอแล้ว ก็ยากที่จะไปได้ตลอดรอดฝั่ง ดังนั้น เมื่อชีวิตการแต่งงานก้าวมาถึงจุดอิ่มตัวแล้ว ชีวิตคู่ของ คนสองคนจึงเหลืออยู่สองเรื่องหลักที่ต้องฝึกฝนกันต่อไป นั่นคือ อดทน ต่อไปให้ได้ และทำใจให้สงบกับทุกการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ครอบครัวใดก็ตามที่ทั้งสามีภรรยา หรือสมาชิกในวงศ์ตระกูลถือ ปฏิบัติตามหลักธรรมตามที่ปู่ย่าตาทวดมอบให้เป็นข้อปฏิบัติร่วมกันอย่างนี้ การกระทบกระทั่งในครอบครัวและวงศ์ตระกูลก็จะไม่เกิดขึ้น ต่างคน ต่างก็ยกระดับความดีในจิตใจให้สูงขึ้นไปเรื่อยๆ ปัญหาการหย่าร้างย่อม ถูกกำจัดไปในชีวิตสามีภรรยา ลูกย่อมมีที่พึ่งและต้นแบบทางจิตใจ ความสามัคคีในบ้านก็จะมีมาก คุณภาพชีวิตทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจ ย่อมดีตามจิตใจที่งดงามไปด้วย และถ้าทุกครอบครัวในประเทศไทย ทำได้เช่นนี้ย่อมส่งผลดีต่อคุณภาพของประชากรไทยในโลกนี้อย่างแน่นอน
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More