ข้อความต้นฉบับในหน้า
ลําบากในยามแก่ชรา ถือเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมไทยที่มีพระพุทธ
ศาสนาเป็นศาสนาประจําชาติ เพราะพระพุทธศาสนาสอนว่า พ่อแม่มี
ความสําคัญเหมือนเป็นพระอรหันต์ของบ้าน แทบเท้าของท่าน เป็น
เหมือนต้นทางสวรรค์ของลูกทุกคน
ปู่ย่าตาทวดท่านให้ข้อคิดว่าคนเราจะทำอะไรเจริญก้าวหน้าได้ขนาด
ไหน ก็ดูที่เขาตอบแทนพระคุณพ่อแม่อย่างไร เพราะในโลกนี้ไม่มีใครมี
พระคุณมากกว่าพ่อแม่ของเขาแล้ว แต่ถ้าขนาดพ่อแม่ของเขาเองยังทำไม่
ดีก็ไม่มีทางที่เขาจะกตัญญูกตเวทีกับใครได้ หนทางเจริญย่อมไม่มีในคน
ที่ทอดทิ้งพ่อแม่
จากคำพูดของปู่ย่าตาทวด ถ้าลูกหลานมองย้อนกลับไปเมื่อตอนที่
ตัวเองยังเป็นเด็ก ยังเป็นทารกนอนแบเบาะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แล้ว
พ่อแม่เกิดเบื่อหน่ายเราขึ้นมาบ้าง อุ้มเราไปทิ้งไว้ในถังขยะหรือข้างถนน
ป่านนี้เราอาจเสียชีวิตไปแล้ว หรือถ้ารอดมาได้ก็คงไม่พ้นเป็นเด็กเร่ร่อน
อดมื้อกินมื้อ ไม่มีอนาคตเหมือนทุกวันนี้ เพราะฉะนั้น ลำพังเพียง
พระคุณที่ท่านยอมรับเราไว้เป็นลูก ไม่ทอดทิ้งเราให้ตายในวัยเด็ก
พระคุณของท่านก็มากล้นเกินกว่าจะทดแทนท่านได้หมดสิ้นแล้ว
ดังนั้น สิ่งที่ถูกต้อง คือ การตอบแทนพระคุณท่านให้สมกับที่ท่าน
ยอมรับเราเป็นลูก เลี้ยงดูเรา ไม่ทอดทิ้งเรา แม้บางครั้งลำบากต้องอด
มื้อกินมื้อ ท่านก็ยอมอดเพื่อให้เราอิ่มก่อน อดทนสารพัดเพื่อหาทาง
เลี้ยงให้เราเติบใหญ่ได้ทุกวันนี้
จากปัญหาดังกล่าวที่นำมาเล่าให้ฟังในตอนต้นเรื่องนี้ ก็ทำให้อด
ย้อนมาคิดถึงตัวเองในยามบั้นปลายชีวิตไม่ได้ว่า เมื่อความชราครอบงำา
เต็มที่ เรี่ยวแรงก็หดหาย ร่างกายก็เลิกฟังคำสั่งเราแล้ว ความร่าคาญตัว
เองที่ทําอะไรไม่ได้ดังใจเหมือนก่อนก็มีมากขึ้น จะทำอะไรแต่ละอย่าง
ต้องเรียกหาลูกหลานมาช่วยเหลือ แม้แต่การขับถ่ายก็ต้องอาศัยลูก
หลานคอยช่วยเหลือดูแลทุกขั้นตอน อาการสังขารหมดสภาพเช่นนี้ อย่า
ว่าแต่ตัวเองรำคาญ แม้แต่ลูกหลานก็รำคาญ ถ้าไม่ได้รักปู่ย่าตาทวดจริงๆ
เขาก็ไม่อยากดูแล บางคนที่ทนดูแลอยู่เพราะหวังได้มรดกของผู้เฒ่าก็มี
อยู่มาก เราจะมีวิธีป้องกันไม่ให้ปัญหาลืมพระคุณปู่ย่าตาทวดนี้เกิดขึ้นใน
ครอบครัวของเราอย่างไร
ปู่ย่าตาทวดท่านให้หลักการเรื่องนี้ไว้อย่างชัดเจนว่า การป้องกัน
ลูกหลานลืมพระคุณปู่ย่าตาทวดที่ดีที่สุด คือพ่อแม่ต้องจูงมือลูกตั้งแต่
เล็กไปเป็นลูกมือช่วยอุปัฏฐากดูแลปู่ย่าตาทวดของลูกหลานอยู่เสมอ พ่อ
แม่ดูแลปู่ย่าตาทวดได้ดีอย่างไร ต่อไปเขาก็จะดูแลพ่อแม่อย่างนั้น ตาม
ที่เขาได้รับการฝึกฝนมา
เมื่อ
และที่สำคัญก็คือ การจะปลูกฝังความกตัญญูให้ได้ผลเร็ว
พ่อแม่ให้ลูกมีส่วนร่วมในการปรนนิบัติดูแลปู่ย่าตายาย จะต้องพรรณนา
พระคุณของท่านให้ลูกฟังทั้งต่อหน้าและลับหลังด้วย การทำอย่างนี้จะ
ทำให้เขาเห็นภาพบุคคลที่มีความกตัญญูกตเวทีได้ชัดเจนจากพ่อแม่ของ
เขาเอง เขาก็จะรู้ว่าการเป็นคนมีความกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่ต้อง
ปฏิบัติตนอย่างไรจึงถูกต้อง
แต่ว่าถ้าพ่อแม่ปรนนิบัติปู่ย่าตายายไป ก็บ่นไป ด่าไป หรือบางที
วาดทุบตีลงไม้ลงมือกับท่านด้วยความเกรี้ยวกราดทั้งต่อหน้าและลับ
หลังลูกด้วยแล้ว ลูกได้เห็นได้ยินก็จะจำเป็นแบบอย่าง แล้วก็จะทำกับ
ย่าตายายอย่างที่พ่อแม่ท่าบ้าง กงเกวียนกำเกวียนนี้ก็จะย้อนมาถึงพ่อ
แม่เองในยามแก่ชรา ความช้ำใจที่ปู่ย่าตาทวดเคยรู้สึกว่าลูกหลานไม่รัก
ความช้ำใจที่เหมือนเป็นส่วนเกินของบ้าน ความช้ำใจเพราะไม่รู้จะไปอยู่
ที่ไหน ความช้ำใจที่รู้สึกว่ามีฐานะแย่กว่าคนรับใช้ ก็จะย้อนคืนมาทำลาย
จิตใจของพ่อแม่บ้าง ในยามบั้นปลายชีวิตของพ่อแม่เอง เพราะไปทำตัว
moto!
mom