ข้อความต้นฉบับในหน้า
ส่วนคุณพ่อคุณแม่ไม่ได้ไปฝึกหัดขัดเกลาตัวเองตามลูก บุญ
ส่วนนี้จึงไม่ได้ แต่จะได้บุญส่วนอื่นคือ
๑) ได้บุญในฐานะที่สนับสนุนให้ลูกบวช
๒) ในฐานะที่ลูกบวชแล้ว ก็เลยตามไปตักบาตรให้ด้วยความ
เป็นห่วงพระลูกชาย ครั้นเมื่อไปตักบาตรแล้ว ก็ไม่ได้ตักให้เฉพาะพระ
ลูกชายของตัวเองหรอก ตักบาตรให้พระองค์อื่นๆ ด้วย ท่านก็เลยได้
บุญจากการให้ทานอีกด้วย
๓) คุณพ่อคุณแม่บางคนด้วยความเป็นห่วงลูกมาก จึงตาม
พระลูกชายไปอยู่ที่วัดตั้งครึ่งค่อนวันเกือบทุกวัน ก็เลยได้โอกาสฟังเทศน์
ได้ความรู้เรื่องบุญเรื่องบาป ทำให้รักบุญกลัวบาปมากยิ่งขึ้น ท่านจึงได้
บุญตรงนี้อีกส่วนหนึ่ง
๔) หรือไหนๆ ก็มาถึงวัดแล้วเห็นญาติโยมคนอื่นๆ ที่มาวัดเขา
ถือศีล ภาวนา เขานั่งสมาธิกัน ก็เลยทำตามเขาไปด้วย ได้เข้าพวกเข้าหมู่
เป็นนักปฏิบัติธรรมไป เพราะฉะนั้น นอกจากท่านจะได้บุญจากการ
ตักบาตรท้าทานแล้ว ท่านยังได้บุญจากการรักษาศีล และเจริญภาวนา
อีกด้วย
บุญที่เกิดขึ้นคนละลักษณะ คนละส่วนกัน แต่ว่าได้บุญแน่นอน
ยกเว้นคุณพ่อคุณแม่บางคน พอลูกบวชแล้วท่านก็อยู่เฉยๆ คิดว่าจะได้
รับบุญจากพระลูกชายทําแบบนี้ไม่ได้บุญหรอกนะ ก็ไม่ได้ตักบาตรไม่ได้
ตามไปฟังเทศน์ที่วัด จะได้บุญมาจากไหน แต่ก็มีเหมือนกันที่พ่อแม่ไม่
ไปวัด แต่พระลูก ชายมาเทศน์ให้ฟังถึงบ้านก็เลยชื่นใจ ยอมทำตามที่
พระลูกชายสอน ไปตักบาตร ไปถือศีล นั่นแหละคุณพ่อคุณแม่จะได้
บุญตรงนั้น”
ผู้เขียนรู้สึกประทับใจมากกับคำตอบของหลวงพ่อในเรื่องนี้ เพราะ
เป็นการให้ความกระจ่างในเรื่องการบวชของลูกชายที่จะทำให้พ่อแม่ได้
ศ
Bochol
บุญด้วย ซึ่งนอกจากเป็นการชักนำพ่อแม่เข้าวัดปฏิบัติธรรมแล้ว ยัง
เป็นการเตือนสติพระลูกชายให้พยายามชักชวนโยมพ่อโยมแม่หมั่น
สั่งสมบุญเป็นประจำ ซึ่งก็จะทำให้การบวชของพระลูกชายครั้งนี้ทรง
คุณค่าต่อตนเองและโยมพ่อโยมแม่มากยิ่งขึ้น
บวชให้คนที่รักเราที่สุดในโลก
ในชีวิตของคนเรานั้น โดยเฉพาะผู้ชายด้วยแล้ว มีแต่จะต้องจาก
ไกลจากพ่อแม่ออกไปทุกขณะ เพื่อเดินไปตามเส้นทางที่ตนเองตั้งใจไว้
ยิ่งเดินไปมากเท่าใด ก็ยิ่งไกลต่อการบวชให้แม่มากเท่านั้น ดังนั้น ก่อนที่
จะไกลออกไปมากกว่านี้ เราจึงควรบวชให้พ่อแม่ก่อนอย่างไม่มีเงื่อนไข
เหมือนกับที่ท่านไม่เคยมีเงื่อนไขในความรักที่มีต่อเรา
ถ้าหากลองคิดดู ย่อมพบว่า ในชีวิตของคนเรานั้น เราทำประโยชน์
เพื่อคนอื่นมามากมาย ซึ่งบางคนนั้น เราทุ่มเทให้เขามากยิ่งกว่าแม่
บังเกิดเกล้าของเราเองเสียอีก เมื่อคิดมุมกลับ ก็ในเมื่อคนอื่นเรายัง
ทุ่มเทให้แก่เขาโดยไม่มีเงื่อนไขได้ขนาดนั้น แล้วทำไมเราจะไม่ทุ่มเท
ตอบแทนพระคุณของพ่อแม่เราให้ยิ่งกว่านั้นบ้างล่ะ
ที่สำคัญก็คือ ในชีวิตของคนเรา การบวชไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นได้บ่อยๆ
และคนที่จะบวชได้ก็ไม่ใช่ว่าบวชได้ง่ายๆ ถ้าปล่อยให้ชีวิตไกลจากพ่อแม่
ออกไปเรื่อยๆ ในที่สุดแล้ว พ่อแม่อาจจะไม่มีวันได้เห็นผ้าเหลืองของเรา
เลยก็เป็นได้
เพราะฉะนั้น ช่วงฤดูร้อนนี้ ผู้เขียนจึงคิดว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะ
สมที่สุด ที่ลูกผู้ชายควรจะบวชให้พ่อแม่ได้เห็นผ้าเหลืองของเราบ้าง จึง
จะไม่เสียทีที่ได้เกิดเป็นลูกผู้ชาย สมดังคำที่นักปราชญ์ในพระพุทธ
ศาสนากล่าวไว้ว่า “เกิดเป็นลูกผู้ชายต้องเป็นบัณฑิตในทางโลกและนัก
ปราชญ์ในทางธรรม จึงจะไม่เสียชาติเกิด
loge wally