ข้อความต้นฉบับในหน้า
หลวงพ่อรูปหนึ่งท่านอธิบายเรื่องนี้ไว้อย่างชัดเจน จึงขอนำมา
ถ่ายทอดสู่กันฟังเพื่อความมีสติและดำเนินชีวิตอย่างรู้คุณค่าวันเวลาของ
ชีวิตที่ลดน้อยถอยลงไปทุกวินาทีไว้ ณ โอกาสนี้
หลวงพ่อท่านมักให้สติญาติโยมที่มาทำบุญที่วัดอยู่เสมอว่า
“มนุษย์ทุกคนล้วนเกลียดทุกข์อยากได้สุขทั้งนั้น แต่ชีวิตมนุษย์กลับ
ไม่สามารถปฏิเสธความทุกข์ได้ชีวิตจึงมีสุขมีทุกข์คละเคล้ากันไป การรับมือ
กับความทุกข์อย่างมีสติต่างหาก คือสิ่งที่เราควรเตรียมตัวให้พร้อม
คนทุกคนมีความทุกข์ติดตัวมาตั้งแต่แรกเกิดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อยู่ ๓ ประการ คือ ความแก่ ความเจ็บ ความตาย ทุกข์เหล่านี้มันคอย
เล่นงานเราอยู่ทุกวัน หนักบ้างเบาบ้างเท่านั้น
ความจริงเราน่าจะมองเห็นความทุกข์ประจำตัวนี้ได้ชัดเจน แต่
ทว่าเรากลับบังตาของตัวเองด้วยเรื่องอื่น จึงยังตะเกียกตะกายไขว่คว้า
แสวงหาทุกข์เพิ่มขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะเป็นการหาคนรัก สามี ภรรยา บุตร
มาครอบครองเป็นของตัว เพราะหวังว่าเราจะได้พบความสุขจากการมี
เขาเหล่านั้น
แต่เนื่องจากในตัวของเขาเอง ก็มีทุกข์ประจำตัวเหมือนกับเรา
คือมีความแก่ ความเจ็บ ความตายอยู่ประจำตัวเช่นกัน เพราะฉะนั้น
ทันทีที่ได้เขามาครอบครอง แทนที่จะได้สุขอย่างที่หวัง เรากลับต้อง
รับภาระทุกข์ประจำตัวเขา และทุกข์จากการพลัดพรากจากสิ่งที่รักเพิ่ม
ขึ้นอีก
ใครที่มีครอบครัวแล้ว มีลูกแล้ว คงจะเข้าใจความทุกข์เหล่านี้ดี
ลำพังแค่หน้าที่ทำมาหากิน และหน้าที่ดูแลพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดตัวเองก็
หมดเวลาในแต่ละวันแล้ว แต่พอมีครอบครัวก็ต้องไปทำหน้าที่สามีภรรยา
ทำหน้าที่พ่อแม่เลี้ยงลูกของตัวเองอีก ซึ่งในแต่ละหน้าที่ก็มีงานมากมาย
thoasa!
รออยู่ในนั้น ชีวิตครอบครัวจึงมีอีกสารพัดความห่วง ความหวงได้ทุกวัน
ถ้าประคองชีวิตครอบครัวเป็น ก็จะพอมีช่วงเวลาแห่งความสุข
อยู่บ้าง แต่ว่าสุดท้ายแล้ว ก็ไม่มีใครหนีความทุกข์ได้อยู่ดี เพราะพอถึง
เวลาก็ต้องตายจากกันไป รักแสนรัก ห่วงแสนห่วง หวงแสนหวง ก็ต้อง
พรากจากกันอยู่ดี นี่เป็นความจริงของชีวิตที่เราไม่อยากได้ แต่มันต้อง
มาถึงเราสักวัน การมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุข จึงต้องรู้จักอดทนความทุกข์
ให้ได้ และไม่ไปหาทุกข์ใหม่มาเพิ่มให้ตัวเอง
บางท่านอาจคิดว่าสอนอย่างนี้ เป็นการสอนให้มองโลกในแง่ร้าย
แต่ที่ถูกต้อง คือ การสอนให้มองโลกตามความเป็นจริง เราจะได้รับมือ
กับความจริงถูก
พระพุทธองค์ทรงเป็นผู้ชนะทุกข์ จึงทรงชี้ให้เราเห็นว่า คนที่จะ
รับมือกับความทุกข์อย่างไม่คาดฝันได้อย่างมีสตินั้น เขาจะต้องรู้จัก
เตรียมตัวเตรียมใจพร้อมจะเผชิญกับความแก่ ความเจ็บ ความตายอยู่
ทุกวันด้วยการหมั่นทบทวนเตือนตัวเองด้วยเรื่อง ๓ ประการ ดังนี้
๑) รู้จักเป้าหมายที่แท้จริงของชีวิต คือ รู้ว่าที่เราเกิดมานี้ ไม่ใช่
เพื่อมาสนุกสนานเฮฮา แต่เกิดมาเพื่อสั่งสมบุญกุศล แสวงหาหนทางพ้น
ทุกข์ในวัฏสงสาร มุ่งไปพระนิพพานตามรอยบาทพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไป
๒) รู้จักเตือนตนเอง คือ หมั่นเจริญมรณานุสติเป็นประจำาว่า เรา
มีความตายเป็นธรรมดา จะล่วงพ้นความตายไปไม่ได้ หลีกเลี่ยงไม่ได้
และจะตายเมื่อไรก็ไม่รู้ ยิ่งกว่านั้นระหว่างที่ยังไม่ตายก็ยังต้องพลัด
พรากจากสิ่งที่รักที่พอใจอีกด้วย
การนึกถึงความตายบ่อยๆ ก็มี ๒ กรณี
กรณีที่ ๑ นึกไม่เป็น นึกว่าไม่ช้าก็ตาย เลยไม่อยากทําอะไร
ค
losel