ข้อความต้นฉบับในหน้า
ความดีในระดับที่ ๓ จึงจะออก คือไม่ว่าจะหยิบจะทำอะไรก็รู้สึกว่าจะมี
โชค มีลาภ หรือคล่องตัวขึ้น ทำงานการสำเร็จทุกอย่าง อุปนิสัยใจคอก็ดี
ขึ้นจนผิดสังเกต อุปมาเหมือนได้หัวปลีมากินอย่างนั้นแหละ
ผลดีระดับที่ ๔ ถ้าทำซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่ยอมหยุดยั้ง ผลแห่งความ
ที่ตามมา คือเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไปในสังคม
เราปลูกกล้วย กว่าจะได้กินผลของมัน ยังต้องรอเป็นปี การ
ทําความดีกว่าจะเห็นผลจนสังคมยอมรับ ก็เป็นธรรมดาต้องอาศัยเวลา
เหมือนกัน เพราะฉะนั้นอย่าใจร้อน
คนส่วนมากเวลาท้าความดีมักเข้าข้างตัวเอง อยากให้ความดีส่ง
ผลเร็วทันใจ ส่วนความชั่วที่เคยทํามาแล้วเท่าไรๆ กลับ กบนบาน ศาล
กล่าวว่า อย่าให้มันตามมาทันเลย แต่เวลาคนอื่นท่าความชั่ว โดย เฉพาะ
ถ้าเดือดร้อนมาถึงตนด้วย จะนึกอยากให้ผลแห่งความชั่วนั้นตาม มาถึง
เขาเร็วๆ ลืมนึกถึงความดีที่เขาเคยทำไว้ จนกระทั่งคนดีเกิดสงสัยว่าทําดี
ได้ดีจริงหรือ
ในบรรดาคนใจร้อนทั้งหลาย ที่อยากให้กรรมส่งผลทันตาเห็นนั้น
จริงๆ แล้วเขาคิดแต่เฉพาะที่จะได้ผลประโยชน์ คือถ้าสมมุติว่าเขาให้
ทานปุ๊บก็รวยปั๊บทันที เขาถูกใจ ตรงกันข้าม ถ้าเขาโกหกปุ๊บ ฟันหัก
หมดปากปั๊บ เขากลับนึกว่าไม่ยุติธรรม คนเรามักเป็นเสียอย่างนี้ คือเข้า
ข้างตัวเอง และเพราะใจร้อนถึงได้เกิดสงสัยกฎแห่งกรรมอยู่ร่ำไป
เพราะฉะนั้น นับแต่วันนี้เป็นต้นไปขอให้เลิกใจร้อน อย่าเข้าข้าง
ตัวเอง รู้จักทำใจให้เป็นกลางๆ ให้ความยุติธรรมแก่สิ่งต่างๆ รอบๆ ตัว
แต่การจะทำอย่างนี้ได้ต้องอาศัยการนั่งสมาธิมากๆ เท่านั้น
คุณผู้อ่านคงจะเห็นแล้วว่า จากคำตอบของหลวงพ่อที่ยกมาเล่า
ให้ฟังนี้ การทําดี ถ้าทำไม่เป็น ก็คงไม่ได้ผลดีเช่นกัน ดังนั้น ไหนๆ จะ
ทำดีทั้งทีแล้ว เราก็ต้องทำให้ดีที่สุด นั่นคือทำให้ถูกดี ถึงดี และพอดีเท่านั้น
จึงจะได้ผลดี เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่ลูกหลาน เขาจะได้เชื่อมั่นว่า ทำดี
ได้ดี ทําชั่วได้ชั่ว นั่นเอง
holopl iT
Bolon