การอธิบายลำไอมตร์และอำนาจในพุทธวรรณกรรม อธิบายบาลีไวยากรณ์ อาขยาต หน้า 26
หน้าที่ 26 / 115

สรุปเนื้อหา

เนื้อหาในหน้านี้พูดถึงการอธิบายคำและกริยาศัพท์ในบริบทของพุทธวรรณกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้คำที่มีความหมายร่วมและแยก เช่น จ ศพท์ และ วาศัพท์ ในการแสดงความหมายของประธาน รวมถึงอุทาหรณ์และตัวอย่างต่างๆ ที่ช่วยแสดงให้เห็นถึงการใช้กริยาศัพท์ที่ถูกต้อง ในกรณีของเชิงเปรียบเทียบ การลงรูปของตัวกริยาศัพท์ในเอกวุฒะก็ยังคงมีความหมายสำคัญและไม่เปลี่ยนแปลงแม้จะมีประธานเป็นพระพุทธเจ้า สุดท้ายยังมีการกล่าวถึงความสำคัญของการใช้กริยาศัพท์ในข้อความต่างๆ ที่ช่วยให้เราสามารถเข้าใจพุทธวรรณกรรมได้ดียิ่งขึ้น โดยที่รายละเอียดทั้งหมดสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ dmc.tv

หัวข้อประเด็น

-การใช้กริยาศัพท์ในพุทธวรรณกรรม
-ลำไอมตร์และอำนาจในข้อความ
-การแสดงความหมายรวมและแยกในพุทธวรรณกรรม
-ตัวอย่างและอุทาหรณ์การใช้คำ

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ประโยค - อธิบายลำไอมตร์ อำนาจ - หน้า 25 "และ" หรือมีได้ประกอบก็ต้องประกอบก็รียนั่นเป็น พุทธวณเสมอ เพราะ จ ศพท์ เป็นคำที่แสดงรวม ไม่ได้แยกเป็น คน ๆ หรือสิ่ง ๆ เหมือน วาศัพท์ ซึ่งแปลว่า "หรือ" ซึ่งแสดงว่าแยกเป็นคนละส่วน ฉะนั้น กริยาศัพท์ของประธานที่ประกอบด้วย ว่าศัพท์ ซึ่งเป็นเอกวุฒ จะมัวกหลายตัว ก็ลงเป็นเอกวุฒอยู่แน่ ๆ ไม่เปลี่ยนแปลงเหมือน จ ศพท์ ดังจะอุทาหรณ์เปรียบเทียบดังต่อไปนี้ :- เทวนาวาสนา อุปลกโก จ สา อดีฤติ โสตาปดูผล ปฏิญญา ฯ ในภาคเป็นท้องอนอเทศนา อุบาสด้วย หญิงนั่นด้วย ดำรงอยู่แล้วในโสตาปติผล นี้หมายความรวม ทั้ง ๒ คน คือ อุบาส และหญิงนั้น จึงต้องใช้กริยาสันนิษฐาน พุทธนะแ. ภิญญา ปน อุทกสุต ราชา วาราชโภโว ว พรหมโณ โม วา คหถิโก วา ฎตุน จิรเจตนาปัน ปิติณยู อิ่งนี พระราชา หรือ ราชมณฑี พรามณ์ หรือ คุณบดี พึงส่งสิ่งทรัพย์สำหรับจ่าย จิวารไปด้วยฤทษะจงกินญ์ นี้มิได้หมายความรวม แต่หมายคนใด คนหนึ่งในคนที่กล่าวถึงนั่นนึ่ง จึงต้องใช้ก็รอเป็น เอกวุฒะ. กริยาศัพท์ที่ตำบลตัว มีริยาศัพท์บ่งบอกตัวที่ลงรูปปลายตัวเป็นเอกวุฒะอยู่เสมอ ไม่มี เปลี่ยนแปลง ถึงแม้ตัวประธานนั่นจะเป็นพุทธนก็ดีตาม กริยาศัพท์ นี้ได้แก่ อดีฤติ (มีอยู่) และนิฤติ (อยู่ไม่มี) ซึ่งเป็นพวก อสู ธาตุ ประกอบด้วย ติ วิสิตติ เอกวุฒะ แปลน ติ เป็น ดูที จึงสำเร็จรูป
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More