ข้อความต้นฉบับในหน้า
www.kalyanamitra.org
โลกธาตุ ต่างก็พากันมาชุมนุมเข้าเฝ้าพระองค์โดยพร้อมเพรียง
กัน เพื่อทูลถามปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดความสงสัยขึ้นเองบ้าง หรือ
ได้ยินได้ฟังจึงเกิดความสงสัยต่อ ๆ กันมาบ้าง พระองค์ก็ทรง
ตอบได้ทุกปัญหาที่ค้างคาใจเทวดาจนหมดสิ้นความสงสัย ทำให้
พากันปลาบปลื้มปีติเบิกบานใจ ก่อนจะกราบทูลลากลับไปยัง
วิมานของตน
หลังจากเหล่าเทวดาทั้งหลายกลับวิมานไปหมดแล้ว ก็เข้า
สู่เวลาปัจฉิมยามพอดี ซึ่งเหลือเวลาอีกเพียง 4 ชั่วโมงก็จะถึง
เวลาอรุณรุ่งของวันใหม่ พระองค์ก็ทรงบริหารเวลาในช่วงปัจฉิม
ราตรีนี้ออกเป็นสามช่วง (ช่วงละประมาณ ๑ ชั่วโมง ๒๐ นาที)
โดยในช่วงแรกพระองค์จะเสด็จเดินจงกรม เพื่อผ่อนคลายความ
ปวดเมื่อยในพระวรกายที่เกิดจากการประทับนั่งติดต่อกันมา
นานตลอดทั้งวัน หลังจากร่างกายคลายความปวดเมื่อยแล้ว
พระองค์ก็จะเสด็จเข้าสู่พระคันธกุฎีเพื่อบรรทมสีหไสยาสน์ด้วย
สติสัมปชัญญะจนสิ้นสุดเวลาในช่วงที่สองของปัจฉิมยาม จาก
นั้นในช่วงที่สามซึ่งเป็นเวลาใกล้รุ่ง พระองค์เสด็จลุกจากบรรทม
แล้ว ก็ทรงเจริญมหากรุณาสมาบัติ เมื่อออกจากมหากรุณา
สมาบัติแล้ว ก็ทรงแผ่ข่ายพระญาณเพื่อตรวจดูเวไนยสัตว์ว่า ผู้ใด
ควรแก่การเสด็จไปโปรดในวันรุ่งขึ้น เมื่อทรงทอดพระเนตรเห็น
บุคคลนั้นด้วยญาณทัศนะแล้ว ก็เป็นอันสิ้นสุดพุทธกิจประจำวัน
นั้น ครั้นพอถึงเวลารุ่งสางก็เสด็จออกบิณฑบาตและเสด็จไป
โปรดเหล่าเวไนยสัตว์ด้วยน้ำพระทัยมหากรุณา เป็นการบำเพ็ญ
พุทธกิจของวันใหม่ต่อไป
พุทธกิจประจำวัน
ความรู้ประมาณ
๓๔ รากฐานความมั่นคงของพระพุทธศาสนา