ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อธิบายบาลีไวยาอภัย - หน้าที่ 16
หลังนามานา และมีสังขยานั้นเป็นประธาน การต่อสังขยานามนี้ ต่อ
ด้วยวิธี ตัปลปรุสมาท คังอธิบายต่อไป
๓. ตัปลปรุสมาท
สมาทนี้ ท่าน่อนคำพัทธ์ที่มีคำว่าด้วยเป็นต้น ดังนี้สัตว์มี-
วิตติเป็นที่สุด เข้ากับเบื้องปลาย ซึ่งเป็นนามนามบ้าง คุณนามบ้าง
ให้น้องเป็นอันเดียวกัน ชื่อ ตัปลปรุสมาด มี ฮ อย่าง คือ ทุติย-
ตัปลปรุสมะ ตติยตัปลปรุสมะ จิตุติยตัปลปรุสมะ๚
ญาณิติยปปรุสมะ สัตติติยตัปลปรุสมะ๚ การที่ไม่มีปฏิบัติปรุสมะ ก็
เพราะ ถ้าง๚ บทเป็นปามวัตติด้วยกัน ไม่มือานินามให้เนือง-
ถึงกัน ก็อาจเป็นองค์สมานอื่น เช่น กัมมาระ หรือ ทวนทะระ
เป็นต้น จะนับปฏิบัติปรุสมะจึงไม่มี ก็ปฏิบัติระนี้ จะกล่าวให้เข้า
ว่าประเป็นดับปรุสมะอะไร ในเมื่อเราเห็นคำศัพท์สมานอยู่ ซึ่งบอก
ลักษณะว่าเป็นตัปลปรุสมะ ไม่ใช่ลักษณะแห่งสมานอื่นแล้ว พึงแปลบท
หลังให้น้องกับอายตนบาคของบทหน้า ตั้งแต่ שס, สู่, ยัง, สิ้น,
จนถึงใน, ใกล้, ที่, ครั้งเมื่อ, ในเพราะ, เมื่อเห็นเชื่อมกันได้ด้วย
อายตนบาคตัวไหน ในวิภิตอะไรก็แล้ว พิจารณาเกิดว่าเป็นตัปลปรุสมะนั้น
อันนี้ เมื่อ ๒ บทบอกลักษณะดับปรุสมะอยู่ แต่เปล่อยนบาต
ความไม่กินกัน เช่น อ. อุสส โก จะเปลเป็น สมาทวนทันทะ ก็
ผิดลักษณะ เพราะไม่เป็นอาวะจะนูปลาสังก์ จะเป็น อสมาหร-
วันทะรีไม่ได้ เพราะเป็นอาวะนะ ฉะนั้น ควรให้เป็นดับปรุสมะ
แล้วได้เลี่ยงอายตนบาคของศัพท์หน้า อสุส ให้ต่อกับศัพท์หลัง ริโด